เงินทุนไหลเข้า 'บิตคอยน์' กูรูชี้ลุ้นราคาแตะ 5 หมื่นดอลล์ก่อนสิ้นปีนี้

เงินทุนไหลเข้า 'บิตคอยน์'  กูรูชี้ลุ้นราคาแตะ 5 หมื่นดอลล์ก่อนสิ้นปีนี้

ราคาบิตคอยน์วานนี้(6ธ.ค.66) เคลื่อนไหวที่ 44,300.00 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.93% หรือ 2,479 ดอลลาร์ ซึ่งทำนิวไฮใหม่อีกครั้งในรอบ 20 เดือน ตั้งแต่เม.ย.65 แต่ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลในช่วงตลาดบลูรันที่บิตคอยน์มีราคาสูงสุดที่เกือบ 69,000 ดอลลาร์ ในเดือนพ.ย.64

 โดย “สกุลเงินดิจิทัล” ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปี 2566 ด้วย จากในปีนี้บิตคอยน์ให้ผลตอบแทนมากกว่า 160% แล้ว และผลักดันให้มูลค่าตลาดคริปโทโลกเพิ่มขึ้น 3.36% ยืนเหนือ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้ง ! 

สัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด และที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เผยว่า ราคาบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านพ้นแนวต้านที่สำคัญที่ระดับ 41,000 ดอลลาร์ไปได้แล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นสัญญาณ “ขาขึ้น” รอบใหม่ของตลาดคริปโทที่จะเข้าสู่ “บลูรัน” ในปี 2567 

“มองว่าเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่องทั้งบิตคอยน์ และอัลคอยน์ตัวอื่นๆ ทำให้ภาพรวมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในช่วงเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดขาขึ้น จนราคาบิตคอยน์ขึ้นมาแตะ 42,000 ดอลลาร์ ซึ่งแนวรับต่อไปคือ 45,000-47,000 ดอลลาร์ จนมีโอกาสขึ้นไปแตะที่ 50,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้ หลังจากที่ราคาบิตคอยน์ปรับฐานขึ้นในระยะสั้นในช่วงปลายปี 2566 จนถึงต้นปี 2567 แล้ว บิตคอยน์จะมีการย่อตัวลงมาเล็กน้อย”

และ 2 ปัจจัยหลักสนับสนุนราคาบิตคอยน์ ยังคงต้องจับตามมอง ความเคลื่อนไหวด้านกฎระเบียบของสหรัฐฯ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโท และความต้องการของสถาบันการเงินในการยื่นไฟลิ่งเพื่ออนุมัติกองทุน Spot Bitcoin ETF โดยผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างแบล็กร็อก (Blackrock) และ Bitcoin Having ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่นๆในสิ้นปี 2566 ไปจนถึงต้นปี 2567

จากการเกิดขึ้นของ Bitcoin Spot ETF จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงให้นักลงทุนบิตคอยน์ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องยุ่งยากในการซื้อและจัดเก็บโดยตรง คล้ายกับสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงอย่าง ทองคำ อย่าง “ETF ทองคำ” ซึ่งเริ่มต้นในต้นปี 2543 ที่ช่วยให้กระบวนการในการเข้าถึงทองคำง่ายขึ้นจนทำให้มีมูลค่าตลาดเติบโดตขึ้นในปัจจุบันในทางเดียวกัน Bitcoin Spot ETF อาจเปลี่ยนและกระจายฐานนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่ผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีไปจนถึงนักลงทุนระยะสั้นและระยะยาวที่กำลังมองหาการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งอาจส่งผลให้ความผันผวนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลลดลงและมีความมั่นคงสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี ปัจจัยมหภาคในการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกาลางสหรัฐ(เฟด)ที่ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง แม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลในทันที แต่ภาวะทางการเงินที่ตึงตัวและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์นั้น อาจจะเพิ่มแรงกดดันให้กับราคาสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความผันผวนมากขึ้น

 เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทย ถือว่าในปีนี้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล “ทำผลงานได้ดี” กว่ามาก หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยกดดันหลายประการที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งในขณะนี้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยก็กลับมา “คึกคัก” เพราะราคาบิตคอยน์กลับมามีความน่าสนใจเพราะให้ผลตอบแทนสูง ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาให้ความสนใจมากขึ้นตามไปด้วยสะท้อนจากนักลงทุนเข้ามาข้อความรู้และคำแนะนำ รวมทั้ง "ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า" ตลาดมากขึ้น จากทั้งนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อย

ปัจจุบันมีนักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อย ซึ่งนักลงทุนรายย่อยยังคงเป็นสัดส่วนหลักที่เข้ามาลงทุนและเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี และในปีนี้นักลงทุนสถาบันหรือ “รายใหญ่” เราเข้ามาลงทุนไม้หนักมากขึ้น จากข้อมูลของ “เมอร์เคิลแคปปิตอล” ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีขนาดการลงทุนระดับ 1-2 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 35-70 ล้านบาท 

โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้เผยข้อมูลสภาพตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา พบว่าในช่วงวันที่ 1-27 พ.ย.2566 มูลค่าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย อยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.54% จากมูลค่าการซื้อขายของเดือน ต.ค. ที่อยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท โดยมีแรงซื้อขายมาจากนักลงทุนรายย่อยในประเทศอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยต่างประเทศอยู่ที่ 8 พันล้านบาท

หลังจากที่ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มปรับฐานตั้งแต่เดือน ต.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมา นักลงทนรายย่อยในประเทศเริ่มกลับมามีแรงซื้อมากขึ้น จากที่มีการเทขายติดต่อกันนานถึง 4 เดือนตั้งแต่ มิ.ย.-ก.ย.66 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ราคาบิตคอยน์ไซต์เวย์ ซึ่งมูลค่าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยเดือน พ.ย.66 เพิ่มขึ้นตามดัชนีราคาสินทรัพย์ดิจิทัล และมีสัดส่วนประมาณ 3.35% เมื่อเทียบกับการซื้อขายหุ้น

ดนัย อรุณกิตติชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนในสินทรัพย์ที่จะทำได้ดีคือ ตราสารหนี้ หุ้นสหรัฐในกลุ่มเทคโนโลยีและ AI รวมทั้งตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มองว่าในไตรมาส 4 ปี 2566 ไปจนถึงไตรมาส 1 ปี 2567 “บิตคอยน์” มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ทำให้ในปีที่ผ่านมา มีภาพการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี รวมทั้งการจัดพอร์ตนั้นขึ้นอยู่กับการจัดระดับความเสี่ยง ซึ่งเมื่อสินทรัพย์หลายๆตัว ปรับตัวลงในปีนี้เชื่อว่านักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้ดีขึ้น

ถือว่าในปีนี้ เป็นช่วงที่หลายตลาดปรับตัวลดลงในหลายตลาดอย่างไรก็ตามการวางแผนการลงทุนในปี 2567 จะต้องกระจายการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละชนิดซึ่งมีรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า “เข้าใจ” และมองเห็นอนาคตของสินทรัพย์เหล่านั้น หรือไม่

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์หลายแห่งทยอยออกมาประเมินราคาบิตคอยน์ในปีหน้า มีตั้งแต่หลักหมื่นดอลลาร์ไปจนถึงหลักแสนดอลลาร์ เช่น Standard Chartered คาดการณ์บิตคอยน์จะพุ่งแตะ 100,000 ดอล์ ภายในปี 2567 และ Bloomberg คาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์ที่ระดับ 42,000 ดอลลาร์ เป็นแค่จุดเริ่มต้นของซูเปอร์ไซเคิล ที่จะผลักดันไปสู่ระดับ 500,000 ดอลลาร์ในอนาคต