วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้นบรรลุข้อตกลงหยุดยิง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้นบรรลุข้อตกลงหยุดยิง

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway ในแดนบวกสลับลบ โดยกระทรวงพาณิชย์มีการรายงานตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค. -10.9% หดตัวมากกว่าตลาดคาด โดยคาด -4.0 ถึง -5.9% และในเวลาต่อมากระทรวงการคลังได้มีการปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 67 เหลือโต 2.4% จาก 2.8%

เนื่องจากการส่งออก-นำเข้าโตลดลง โดยมีแรงขายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง DELTA ส่งผลต่อดัชนีราว -3.8 จุด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,361.97 จุด +2.03 จุด +0.15% มูลค่าการซื้อขาย 36,381 ลบ. Program Trading +1,212.58 ลบ. ต่างชาติ +556.83 ลบ. TFEX +734 สัญญา ตราสารหนี้ -1,226.21 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 146.43 จุด หรือ +0.38% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดบวกเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทสลาและหุ้นแอปเปิ้ล ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของ FED ในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ -1.45% ปิดที่ 82.63 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าคณะผู้นำกลุ่มฮามาสเดินทางไปยังอียิปต์เพื่อเข้าร่วมเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา ทำให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
+ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนระบุว่า จีนจะอนุญาตให้ประชาชนในมณฑลฝูเจี้ยนของประเทศจีนเดินทางท่องเที่ยวไต้หวันอีกครั้ง หลังออกมาตรการจำกัดมาเป็นเวลาหลายปี
+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.9% ใน 2Q67

ปัจจัยลบ  

- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการส่งออกเดือนมี.ค. 2567 มีมูลค่า 24,960.6 ล้านดอลลาร์ ลดลง 10.9%YoY ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน จากที่ก่อนหน้านี้ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง 7 เดือนติดต่อกัน
- กระทรวงการคลังปรับลดเป้า GDP ปี 67 ใหม่ เหลือโต 2.4% จากเดิม 2.8% เหตุส่งออกหด-ภัยแล้งกระทบผลผลิตสินค้าเกษตร หวังแจกเงินดิจิทัล ช่วยหนุน GDP เฉพาะไตรมาส 4 ปีนี้โต 3.3%
 

 

- การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ให้ขยายตัวได้
- หอการค้าเผยผลสำรวจเอกชนเตรียมขึ้นราคาสินค้าและบริการ 15% ภายใน 1 เดือน หลังรัฐบาลขึ้นค่าแรง 400 บาท/วัน ซ้ำเติมต้นทุนพลังงาน

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนหลังมีรายงานว่าคณะผู้นำกลุ่มฮามาสได้เดินทางไปยังอียิปต์เพื่อเข้าร่วมเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงกดดันจากกระทรวงการคลังปรับลดเป้าจีดีพีปี 67 ใหม่ เหลือโต 2.4% จากเดิม 2.8% มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,355-1,370 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นได้ประโยชน์จากอากาศร้อนจัด : TACC SAPPE ICHI PLUS COCOCO MALEE TIPCO
• หุ้นเด่น IAA : AOT CK CPALL MINT
• มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ : SIRI SC ORI LH QH AP SPALI
• Digital Wallet : CPALL BJC CRC DOHOME GLOBAL HMPRO
• สินค้าส่งออกเดือน มี.ค.ที่ยังเติบโต : STA NER TRUBB TEGH XO ITC AAI

 

 

  

หุ้นรายงานพิเศษ

KLINIQ <ซื้อ> (ราคาเหมาะสม 46.50 บาท)
"คาดกำไร 1Q67 ที่ 80 ลบ. +3%QoQ, +16%YoY เติบโตจากสาขาเดิม
และการเปิดสาขาใหม่จำนวน 10 สาขา

•คาดกำไรสุทธิงวด 1Q67 ที่ 80 ลบ. +3%QoQ, +16%YoY: คาดการณ์รายได้จากการขายและบริการจำนวน 680 ลบ. +5%QoQ, +34%YoY จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) +15%YoY ตามจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มบริการใหม่ๆ ประกอบกับมีการเปิดสาขาใหม่รวม 10 สาขา สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น(%GPM) ที่ระดับ 52.3% ลดลง QoQ, YoY จาก 53.0% ใน 4Q66 และ 54.8% ใน 1Q66 สาเหตุหลักจาก 1) การเปิดสาขาใหม่ ทำให้มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายเข้ามาในช่วงเริ่มต้น 2) การเติบโตของรายได้ THE KLINIQUE SURGERY CENTER และ L.A.B.X ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมี %GPM ต่ำกว่าแบรนด์ THE KLINIQUE ส่งผลให้เราคาดบริษัทจะมีกำไรสุทธิงวด 1Q67 ราว 80 ลบ. +3%QoQ, +16%YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 11.7% โดยกำไรงวด 1Q67 คิดเป็น 22% ของประมาณการกำไรทั้งปี

•คงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 365 ลบ. เติบโต 27%YoY ทำระดับสูงสุดใหม่: คงคาดการณ์รายได้จำนวน 3,046 ลบ. เติบโต 33%YoY จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่มีจำนวน 55 สาขา และการเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่จำนวน 20 สาขา (เดิมตั้งเป้าเปิด 15 สาขา) แบ่งเป็นแบรนด์ THE KLINIQUE 10 สาขา และ L.A.B.X 10 สาขา ประกอบกับการเติบโตของรายได้ศูนย์ศัลยกรรม

•ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท เนื่องจากธุรกิจของบริษัท อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี PEG Ratio ที่ 1 เท่า เพื่อสะท้อนถึงการเติบโตของผลประกอบการ โดยคาดว่ากาไรปี 67 จะเติบโต 27%YoY และคาดการณ์กาไรต่อหุ้นปี 67 เท่ากับ 1.66 บาทต่อหุ้น ทาให้ได้ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 46.50 บาท ราคาเหมาะสมมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบันราว 24% ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 3.5% ต่อปี เราจึงคงคาแนะนา “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) INET (Bloomberg consensus - บาท) ชูรัฐเดินหน้างบเบิกจ่ายส่วนงานไอที ประกาศพร้อมเดินหน้ารับงาน เล็งงานการแพทย์ Cybersecurity ของกระทรวงสาธารณสุข ชี้ตลาดคลาวด์เซอร์วิสสดใส ลูกค้าใช้บริการเพียบ โอกาสโตอย่างมาก ทั้งปีรายได้กว่า 2.5 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FSMART (Bloomberg consensus - บาท) "ตู้เต่าบิน" เข้าไฮซีซัน หน้าร้อนยาว หนุนยอดเครื่องดื่มขายดี เร่งติดตั้งตู้แตะหมื่นตู้ จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 6 พันตู้ พร้อมเดินหน้าอัดแคมเปญกระตุ้นยอดซื้อ ด้านผู้บริหารส่งสัญญาณธุรกิจการเงินครบวงจรฉายแววเด่น ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 500 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SSP (Bloomberg consensus 10.00 บาท) ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผลในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น เตรียมรับทรัพย์ 24 พฤษภาคม 2567 นี้ ฟากบิ๊กบอส "วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์" เตรียมทุ่มงบกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ลุยพลังงานทดแทนในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าในมือเติบโต 2 เท่า ภายในปี 2571 สร้าง New S-Curve หนุนผลงานโตแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EKH (Bloomberg consensus 9.50 บาท) กดปุ่มจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตราส่วน 40 หุ้นสามัญต่อ 1 หุ้นปันผล พร้อมจ่ายเงินสดอีก 0.30 บาทต่อหุ้น รวมจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.3125 บาท กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 20 พฤษภาคม นี้ ฟาก "นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร" เดินหน้าขยายลงทุนด้านสุขภาพต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม มั่นใจรายได้ปี 2567 เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 7% (ที่มา ทันหุ้น)