วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ ITC ประมาณการ 1Q67F: กำไรจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ
เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q67F ของ ITC จะอยู่ที่ 699 ล้านบาท (+64% YoY, -9% QoQ) โดยคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 15% YoY เป็น 4.12 พันล้านบาท เนื่องจากปริมาณยอดขายให้ลูกค้ารายใหญ่ในสหรัฐและ ยุโรป เพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว เพราะวัฏจักรการลดสต็อก (destocking cycle)
อย่างไรก็ตามเราคาดว่ายอดขายจะลดลง 13% QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ โครงสร้างยอดขาย (Product mix) ดีขึ้น เพราะสัดส่วนยอดขายสินค้า premium เพิ่มขึ้นเป็น 49% จาก 43% ใน 4Q66 เนื่องจากมีการปรับผลิตภัณฑ์ เพื่อคุมราคาให้อยู่ในระดับที่ลูกค้าขั้นสุดท้ายสามารถซื้อหาได้มากขึ้น
คาดว่า GPM จะทรงตัวจาก 4Q66
ถึงแม้ว่ายอดขายจะลดลง QoQ แต่เราคาดว่า GPM ใน 1Q67F จะทรงตัวอยู่ที่ 22.0% เพราะ product mix ดีขึ้น และ ราคาปลาทูน่าลดลงเหลือ USD1,350/ton (-26% YoY, -11% QoQ) ในขณะเดียวกัน ปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น YoY น่าจะช่วยหนุนให้ GPM เพิ่มขึ้น 4.6ppts YoY ในขณะที่คาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ เป็น 7.5% ตามการเปลี่ยนแปลงของยอดขาย นอกจากนี้ เราคาดว่า ITC จะบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน10 ล้านบาท จากที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 11 ล้านบาทใน 1Q66 และ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 43 ล้านบาทใน 4Q66
คาดว่าโมเมนตัมของกำไรจะยังคงเป็นบวก YoY ใน 2Q67F
เราคาดว่ากำไรของ ITC จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY ใน 2Q67F จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว และ GPM ที่เพิ่มขึ้น YoY อย่างไรก็ตาม เนื่องจากค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ และคาดว่าราคาปลาทูน่าจะสูงขึ้น GPM จึงน่าจะลดลง QoQ และหักล้างผลบวกจากยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำถือ ITC และ คงราคาเป้าหมายปี 2567 ไว้ที่ 22.10 บาท (อิงจาก PER ที่ 25x) เราคิดว่าผลประกอบการของ ITC ในปี 2567F จะเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของยอดขาย และ วัฏจักรการลดสต็อกของลูกค้ารายใหญ่ในสหรัฐ และ ยุโรปจบลงแล้ว อย่างไรก็ตาม เรามองว่าโมเมนตัมของกำไรรายไตรมาสจะยังคงไม่น่าตื่นเต้น เพราะ margin ในไตรมาสหน้าจะยังคงถูกจำกัดด้วยค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น และ ราคาปลาทูน่าที่สูงขึ้น
Risks
ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ, อัตราแลกเปลี่ยน และการแข่งขันในตลาด