วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Bond Yield กดตลาด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Bond Yield กดตลาด

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนี sideway ในแดนลบตลอดช่วงการซื้อ-ขาย มีแรงขายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก และพลังงาน ตลาดถูกกดดันจากประเด็นที่รัฐบาลเลื่อนประชุมบอร์ดคณะกรรมการ “เงินดิทัลวอลเล็ต”

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,401.72 จุด -5.30 จุด -0.38% มูลค่าการซื้อขาย 39,472 ลบ. Program Trading -920.59 ลบ. ต่างชาติ -834.37 ลบ. TFEX -671 สัญญา ตราสารหนี้ -4,208.38 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอสว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวราว 5.2% ในปี 2566 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้โดยไม่ต้องพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
+ กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดนโยบายเร่งด่วน 3 เดือนเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพเป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจใหม่สำหรับกระตุ้นรายได้มวลรวมของประเทศพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม
+ สรท. คาดว่าปี 2566 ไทยจะส่งออกข้าวได้ 8.5 ล้านตันสูงกว่าเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตัน ส่วนปี 2567 ตั้งเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 7.5 ล้านตันโดยจะเน้นเป้าหมายยกระดับราคาส่งออกมากกว่าปริมาณการส่งออกเบื้องต้น
+ ครม. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.45%

ปัจจัยลบ  

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 231.86 จุด หรือ -0.62% ถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 4% และความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่ไร้ทิศทางของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ รวมทั้งราคาหุ้นโบอิ้งและหุ้นแอปเปิ้ลที่ร่วงลงอย่างหนัก
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 28 เซนต์ หรือ -0.4% ปิดที่ 72.40 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของสัญญาน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลแดง และรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์นี้
- ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 63.3% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนัก 76.9%
 

- IMF ระบุว่า ราคาบ้านชะลอตัวลงหลังจากธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ราคาบ้านก็ยังคงสูงเหนือค่าเฉลี่ยในอดีต
- ผู้บริหารระดับสูงของคันทรี การ์เดน ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีนคาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงอ่อนแอต่อไปในปีนี้ และบริษัทอาจจะเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงมากขึ้น
- กองทัพสหรัฐโจมตีครั้งใหม่ต่อฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนโดยพุ่งเป้าไปที่ขีปนาวุธต่อต้านเรือของกลุ่มฮูตี

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 4% อีกครั้ง ประกอบกับปัจจัยในประเทศมีประเด็นการทึกการด้อยค่าเงินลงทุนของ TU กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,390-1,407 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• Easy E-Receipt : BJC CPALL CPAXT COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZEN M AU TNP KK
• หุ้นที่มี ESG สูง และอยู่ใน SET50 : ADVANC CPALL CPF CRC OR PTTEP TOP
• หุ้นเด่น IAA : AOT CPALL CPN GPSC
• ครม.เคาะกรอบงบประมาณปี 68 วงเงิน 3.6 ล้านลบ. : CK STEC CIVIL UNIQ

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

ITC (Bloomberg Consensus 23.60 บาท)
คาด 4Q66 ฟื้นตัวจากลูกค้ารายใหญ่ Restocking

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Bond Yield กดตลาด

•3Q66 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 3,999 ล้านบาท +23%QoQ โดยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากการเริ่มกลับมาสั่งซื้อ ของลูกค้ารายหลัก และระดับสินค้าคงเหลือของลูกค้าเริ่มกลับสู่ระดับปกติโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรปและเป็นผลจากกลยุทธ์การปรับราคา แต่ลดลง -35%YoY จากฐานสูงในปีก่อน ตามการระบายสินค้าคงเหลือของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และรายได้จากค่าระวางสินค้าที่ลดลง ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 19.2% เพิ่มขึ้นจาก 18.4% ในไตรมาสก่อน เนื่องด้วยราคาขายที่สูงขึ้น และมาตรการบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งเริม รวมถึง utilization rate ที่ดีขึ้น ส่งผลให้ 3Q66 กำไรสุทธิ 665 ล้านบาท +55% QoQ ,-56% YoY ทั้งนี้ 9M66 มีกำไรสุทธิ 1,515 ล้านบาท -59.3%YoY คิดเป็น 68% ของประมาณการ Bloomberg Consensus ปี 66 ที่ 2,223 ล้านบาท -50%YoY

ความเห็น : เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 4Q66 ของบริษัท เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ในยุโรป และสหรัฐเริ่มกลับมา Restocking และมีการปรับราคาขายลูกค้าบางรายสูงขึ้นราว 2-3% ประกอบกับอานิสงส์จากต้นทุนทูน่าที่ลดลง เราแนะนำ “ซื้อ” โดย Bloomberg Consensus คาดกำไร 4Q66 ราว 763 ล้านบาท +45%QoQ -50%YoY

หุ้นมีข่าว

(-) TU (Bloomberg consensus 17.70 บาท) แจ้งเดินหน้าแผนถอนการลงทุนในเรด ล็อบสเตอร์ซึ่งในระหว่างที่บริษัทศึกษาช่องทางที่เป็นไปได้ในการถอนการลงทุนนี้ ในไตรมาสที่ 4/66 บริษัทบันทึกเป็นรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียวที่จำนวนราว 18,500 ล้านบาท หรือประมาณ 530 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เพื่อแสดงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินในวงเงินไม่เกิน 3,600 ล้านบาท หรือไม่เกิน 200 ล้านหุ้น (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

ความเห็น : เรามีมุมมองลบต่อประเด็นดังกล่าว โดยจะมีการตั้งด้อยค่าคิดเป็น 3.8 บาท/หุ้น ซึ่งจะมีการบันทึกเข้ามาใน 4Q66 เป็นรายการ One time กรณีที่หุ้น TU ปรับตัวลงมากกว่า 3.8 บาท/หุ้น เราแนะนำ ทยอยสะสม เนื่องจากหลังการขายเงินลงทุนใน เรดล็อบสเตอร์ จะทำให้ TU ไม่จำเป็นต้องรับรู้ผลขาดทุนปีละ 600-1,000 ล้านบาท อีกต่อไป

(+) JMART (Bloomberg consensus - บาท) วางเกม ส่ง "เจฟินคอยน์" จับเทรดคู่ BTC เปิดทางให้กับผู้ถือเหรียญให้กว้างขึ้น ดีเดย์เทรดได้ 16 มกราคมนี้ พร้อมเดินหน้ารุกเทคโนโลยีบล็อกเชน "JFIN Chain" ยกระดับทรานส์ฟอร์ม-ลดต้นทุนธุรกิจไทย หวังต่อยอดอีโคซิสเต็มเพิ่ม พร้อมวางเป้าปี 2567 ยอดผู้ใช้บริการบล็อกเชนแตะ 1.4 ล้านราย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AH (Bloomberg consensus 44.00 บาท) เผยคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถอีวีปีนี้โตกระฉูด เหตุได้ลูกค้าค่ายรถจีนที่ย้ายฐานผลิตมาไทยเพิ่ม 2-3 บริษัท ดันยอดขายปีนี้โต 3-5% จากปีก่อน เตรียมทุ่มงบ 400 ล้านบาท สร้างโรงงานรองรับออเดอร์ใหญ่จากลูกค้าใหม่ คาดเริ่มผลิตได้ปลายปี 2568 ส่วนธุรกิจดีลเลอร์ขายรถไฟฟ้าฉางอัน กระแสตอบรับดี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MGC (Bloomberg consensus 9.30 บาท) ลั่นผลงานปี 2567 โตต่อ มองตลาดรถหรูยังดีต่อเนื่อง มั่นใจรักษามาร์เก็ตแชร์ได้ ส่วนค่ายรถจีนเข้ามาทำตลาดไม่กระทบ เตรียมขยายสาขารองรับยอดขาย ล่าสุดจับมือ PTT รุกธุรกิจอีวีร่วมกันคาดเห็นแผนชัดเจนเดือนกุมภาพันธ์นี้ (ที่มา ทันหุ้น)