วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงมุมมองตลาดหุ้นช่วงปลายปี-ต้นปีมีโอกาสฟื้นตัว

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงมุมมองตลาดหุ้นช่วงปลายปี-ต้นปีมีโอกาสฟื้นตัว

การที่เฟดส่งสัญญาณถึงโอกาสปรับลดดอกเบี้ยหนุนมุมมอง Relief rally ของเรา การคงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ต่อเนื่อง และส่งสัญญาณถึงการลดดอกเบี้ยที่มีโอกาสเกิดขึ้นในปีหน้า

ทำให้ภาพของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟดน่าจะจบลงแล้วโดยสมบูรณ์ ในระยะสั้นตลาดมีโอกาสมองบวกจากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลง หนุนมุมมองการฟื้นตัวของหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะสั้น คาดจะทำให้ตลาดเกิดใหม่ (EM), เอเชีย รวมถึงไทย มีโอกาสเคลื่อนไหวดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปในรอบการฟื้นตัวนี้ 

คงมุมมองตลาดหุ้นไทยฟื้นช่วงปลายปี หรือเกิด Santa Clause Rally โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือ 1) การเสนอขายกองทุน TESG ที่คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นปีละ 1-1.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับช่วง LTF ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท และ SSF ที่ 3-4 พันล้านบาท) 2) ความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐฐาล และการเติบโตของเศรษฐกิจที่จะเร่งตัวขึ้นในปี 2567 3) ความคาดหวังนักลงทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศ จะนำเงินกลับไทยในช่วงต้นปี 2567 เพื่อ “รีเซ็ตต้นทุน” และเงินทุนบางส่วนมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้น ซึ่งจะหนุนการเกิด January Effect ในช่วงต้นปีหน้า 4) การฟื้นตัวของหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ย หรือปรับลดลงจนใกล้ช่วงล่างค่าเฉลี่ย PER ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมาแล้ว (เกิด de-rating แล้ว) ทำให้หุ้นเหล่านี้มีโอกาสฟื้นตัว โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มการเงิน และกลุ่มค้าปลีก 
 

หุ้นกลุ่มไวต่อดอกเบี้ยและที่มีการถือครองต่ำมีโอกาสฟื้นตัวดีในช่วงสั้น ขณะที่การลงทุนในภาพใหญ่ 6-9 เดือน ยังเน้นถือครองหุ้นที่มีกระแสเงินสดดี, หนี้ต่ำ, มีผลตอบแทนเงินปันผลสูง เราคาดหุ้นที่โดนกดดันจากประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรในระดับสูง อาทิ การเงิน, โรงไฟฟ้า, สื่อสาร, กองทุนอสังหาริมรัพย์และรีทส์ จะมีโอกาสฟื้นตัวได้ดีในช่วง 1-2 เดือนนี้ อย่างไรก็ตามในภาพ 6-9 เดือน หุ้นขนาดใหญ่ที่พื้นฐานมั่นคง หนี้ต่ำ กระแสเงินสดสูง และมีการส่งผ่านปันผลให้ผู้ถือหุ้นสูง จะยังเป็นกลุ่มที่ได้รับการเพิ่มน้ำหนักจากนักลงทุน 

ภาพรวมกลยุทธ์ การกลับมายืนเหนือ 1,366 จุด ทำให้ภาพตลาดเป็นการฟื้นตัวในกรอบ 1,366-1,430 จุด โดยช่วงสั้นมีโอกาสลุ้นทดสอบ 1,400 จุด กลุ่มหุ้นที่กระแสเงินสดดีและปันผลสูง ค่อนข้างยืนได้ดีและแข็งแกรงกว่าภาพรวม จะเป็นตัวประคองตลาด และอาจทำให้หุ้นกลางหุ้นเล็ก รวมถึงหุ้นไวต่อดอกเบี้ย ฟื้นได้ดีในช่วง 2 เดือนนี้

หุ้นแนะนำ: CPALL*, AMANAH*, EPG*, ETL*

แนวรับ: 1,370 / แนวต้าน : 1,390-1,400 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

บอนด์ยีลด์ร่วงหลุด 4% หลังหมดยุคดอกเบี้ยขาขึ้น - อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 4% ในวันนี้ โดยถูกกดดันจากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยขาลงในปีหน้า (อินโฟเควสท์) 

คาดตลาดหลักทรัพย์ฯจะประกาศชื่อหุ้นเข้า-ออก จากการคำนวณดัชนี SET50/ 100 ในช่วงเย็นวันนี้ – คาดหุ้นตัวเต็งรอเข้าคือ KCE ส่วน TLI, DELTA, INTUCH ทางตลาดน่าจะใช้ดุลยพินิจในการเก็บไว้ใน SET 50 ส่วนกลุ่ม SET 100 น่าจะมีเข้าออกกันหลายหลักทรัพย์ ทั้งหมดจะมีผลในรอบครึ่งปีแรกปี 2567 (ข่าวหุ้น)

คลัง-ธปท.-ก.ล.ต.ถกทบทวน Program Trading "กฤษฎา" แย้มไม่ควรมี Robot Trade - รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีการเสนอให้มีการยกเลิก Program Trading ที่มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่มีความถี่สูง ได้มีการหารือกับเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้มีการศึกษา และทบทวนการใช้ Program Trading ในการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทย เพราะจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก (อินโฟเควสท์)

รมช.คลัง เตรียมชงครม.สัปดาห์หน้าคลอดมาตรการแก้หนี้ SME มั่นใจแก้หนี้นอกระบบสำเร็จ - ในสัปดาห์หน้า จะนำเรื่องการแก้ไขหนี้สินผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กว่า 6 หมื่นราย ที่ช่วงโควิด-19 ถูกปรับเป็นเอ็นพีแอล ในรหัส 21 เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินการต่อไป (อินโฟเควสท์)

TESG - ในกลุ่มที่มี ESG rating AAA และ AA ที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อ ได้แก่ ADVABC, BCP, CPALL, CPAXT, CPF, CRC, PTT, SCGP, TISCO, BCPG, BDMS, CPN, EA, EGCO, MAJOR, RATCH, SCB เป็นต้น

 

ประเด็นติดตาม: 15 ธ.ค. - US S&P Global Services PMI/ 18 ธ.ค. - EU Core CPI/ 19 ธ.ค. - US Building Permit/ 20 ธ.ค. - US CB Consumer Confidence, Existing Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)