วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา US FOMC Minute และการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา US FOMC Minute และการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

ทางเทคนิค คาด SET Index ฟื้นตัว แนวต้าน 1,530/1,540 จุด แนวรับ 1,515/1,507 จุด ลุ้นดัชนีฯ เกิดการรีบาวนด์หลังจากทดสอบแนวรับของกรอบขาขึ้น Up Channel 1,515-1,575 จุด

โดยมีความเสี่ยงเชิงลบ คือ หากหลุดแนวรับ 1,515 จุด ตลาดหุ้นจะเกิดสัญญาณขายรอบใหม่ (Sell Signal) โดยมีเป้าหมายต่อไปที่ 1,500/1,488 จุด

 

ประเด็นสำคัญวันนี้ ไฮไลท์อยู่ที่

1) +การเมืองไทย: เราคาดว่าผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เริ่ม 9.30 น. จะเป็น Positive Sentiment ต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้: เราคาดว่าสุญญากาศการเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือน (เลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.) จะเริ่มมีความชัดเจนและเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย หากผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อคำร้องของผู้ตรวจราชการแผ่นดิน เรื่องการส่งชื่อคุณพิธา ของพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ซ้ำสองได้หรือไม่ มีคำตัดสินไม่รับหรือรับคำร้อง (แต่สามารถให้กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีดำเนินต่อไปได้) ซึ่งจะทำให้โอกาสสูงที่จะได้คณะรัฐบาลชุดใหม่ภายในเดือน ก.ย. (ประธานสภาจะมีการนัดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ภายหลังคำตัดสินของศาลฯ โดยตลาดคาดว่ากรณีเร็วที่สุดจะอยู่ในช่วงวันที่ 18-22 ส.ค. ขณะที่คาดว่าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรคพันธมิตรพิเศษ (รวมพรรค พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ) ด้วยเสียง สส. สนับสนุนกว่า 314 เสียง และคาดว่าจะมีเสียง สว. สนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อให้เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา (374 เสียง) จะเสนอชื่อนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 (ผลตัดสินดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกต่อ 1. หุ้นกลุ่มอิงนโยบายรัฐ 2. หุ้นอิงนโยบายพรรคเพื่อไทย 3. หุ้นที่เคยร่วงแรงจากนโยบายพรรคก้าวไกล และส่งผลบวกต่อทิศทางดัชนีฯ โดยมีระดับเป้าหมายที่ 1,588 จุด (Figure 1))

 

 

2) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ: ทิศทางค่าเงิน USD อาจมีการอ่อนตัว (เป็นบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียและราคาสินค้าโภคภัณฑ์) อิง a) US รายงานผลประชุมเฟดที่ผ่านมา (FOMC Minute) KTX คาดว่าผลประชุมล่าสุด จะเป็นโมเมนตัมบวกต่อทิศทางดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐฯ บนสัญญาณหลังประชุมที่พบว่าทิศทางเงินเฟ้อยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดแรงงานเริ่มผ่อนคลายการตึงตัว สะท้อนความจาเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีน้อยลง โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตจะเป็น Data Dependent (รอดูรายงาน อัตราเงินเฟ้อ ข้อมูลตลาดแรงงาน และการเติบโตของเศรษฐกิจ) ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจาก CME FedWatch Tool คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยตลอดปีนี้ โดยหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือน พ.ย. (โอกาส 35.5%) (Figure 2) b) EU รายงาน 2Q23E GDP Growth ครั้งที่สอง คาด +0.3% QoQ, +0.6% YoY (Vs 1Q23 GDP +0% QoQ, +1.1% YoY) โดยจะเป็นบวกต่อตลาดและค่าเงิน EUR หากออกมาสูงกว่าคาดการณ์ครั้งแรก ส่วนทั้งปี 2023E Bloomberg Consensus คาดเติบโต +0.6% YoY ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ +3.3% YoY c) UK รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ค. คาดว่าจะเป็นโมเมนตัมบวกต่อการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยของ BOE โดย Consensus คาดว่าเงินเฟ้อเติบโต -0.5% MoM, +6.8% YoY (ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. +0.1% MoM, +7.9% YoY) โดยขึ้นไปทาระดับสูงสุดที่ 11.1% YoY ในเดือน ต.ค. 2022

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นอิงนโยบายรัฐ ได้แก่ BEM CPALL และหุ้นอิงการเมือง SIRI

 

 

Strategic daily picks

BEM    ปิด 8.85 บาท/แนวรับ 8.65 บาท แนวต้าน 9.25 บาท

BEM รายงานกำไรสุทธิ 901 ล้านบาท ใน 2Q23 (+42% YoY, +20% QoQ) โดยรายได้ของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีจำนวนสูงถึง 3.91 พันล้านบาท (+20% YoY) ขณะเดียวกันการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ส่งต่อผู้โดยสารเข้าสู่สายสีน้ำเงิน คาดจะทำให้รายได้ใน 3Q23 เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 3.69 พันล้านบาท และราคาเป้าหมายที่ 10.65 บาท

 

SIRI    ปิด 1.86 บาท/แนวรับ 1.80 บาท แนวต้าน 1.98 บาท

SIRI รายงานกำไรสุทธิ 1,621 ล้านบาท ใน 2Q23 ใกล้เคียงกับตลาดคาดการณ์ แต่ดีกว่าที่ KTX คาดการณ์ 24% สาเหตุหลักจากการบันทึกกำไรจากการขายที่ดิน (หลังภาษี) 402 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการพิเศษ SIRI มีกำไรจากธุรกิจปกติ 1,219 ล้านบาท (+32% YoY และ +10% QoQ) ต่ำกว่าคาด 7% เป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาด (32.2% เทียบกับคาด 32.5%) และค่าใช้จ่ายในการบริหารสูงกว่าคาด 20% KTX คงคาแนะนำ “Outperform” และประเมินราคาพื้นฐานที่ 2.31 บาท

 

CPALL    ปิด 62.00 บาท/แนวรับ 60.00 บาท แนวต้าน 64.75 บาท

CPALL รายงานกำไรสุทธิ 4.44 พันล้านบาท (+47.75% YoY, +7.65% QoQ) และรายได้รวม 2.32 แสนล้านบาท (+8.5% YoY) เป็นผลจากรายได้จากการขายและบริการของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมถึง ธุรกิจค้าส่งปลีกที่ธุรกิจแม็คโครและโลตัส รายได้จากการขายและบริการเติบโตดีขึ้นเช่นกัน ตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว โดยในปี 2023 มีแผนเปิดสาขาใหม่ในไทยอีกประมาณ 700 สาขา และในกัมพูชา ให้ครบ 100 สาขา (ปัจจุบัน 66 สาขา) รวมถึงเปิดสาขาแรกในสปป.ลาว ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินราคาเป้าหมายที่ 74.10 บาท

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตา US FOMC Minute และการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ