วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี CHG - กำไร 2Q23F จะต่ำตามฤดูกาล แต่จะสูงกว่าอดีต

ได้แก่ รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากโรคหลอดเลือดสมองและผ่าตัดหัวใจ, รายได้ค่าเหมาจ่ายรายหัวของ SSO, การระบาดของโควิด ไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ และผลการดำเนินงานของ CH 304 และ CH RPC พลิกเป็นกำไร เราคาดเงินปันผลระหว่างกาล 0.02 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 0.5% ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง เราคงคำแนะนำ ถือ

 

คาดกำไรสุทธิ 205 ลบ.ใน 2Q23 …

ซึ่งจะเป็นไตรมาสที่กำไรต่ำสุดของปีนี้ เนื่องจากโรคระบาดน้อยในฤดูร้อน แต่จะสูงกว่ากำไรสุทธิใน 2Q ในช่วงปี 2015-2019 (ก่อนโควิด ที่ 123-178 ลบ.) เราคาดกำไรสุทธิ 444 ลบ.ใน 1H ลดลง 80% yoy เพราะรายได้เกี่ยวกับโควิดลดลง ซึ่งคิดเป็น 37% ของ FY23F ของเรา ทั้งนี้  CHG จะประกาศผลการดำเนินงานวันที่ 11 ส.ค.

 

 

 

… ลดลง 77% yoy และ 15% qoq

กำไรลดลงมาก yoy เพราะรายได้โควิดลดลง แต่กำไรลดลงเล็กน้อย qoq เพราะรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก (i) รักษาโรคซับซ้อนมากขึ้น (หลอดเลือดสมองและผ่าตัดหัวใจ) จำนวนผู้ป่วยหลอดเลือดสมองใน 1H23 สูงกว่าจำนวนผู้ป่วยในปี 2022  CHG เป็นศูนย์หลอดเลือดสมองแห่งเดียวในสมุทรปราการ จำนวนผู้ป่วยผ่าตัดหัวใจเพิ่มขึ้นทั้งผู้ป่วยทั่วไปและ SSO (SSO จ่ายค่าผ่าตัด 15,000 บาท/RW จากปกติ 12,000 บาท/RW สำหรับผู้ป่วยที่มีสิทธิรักษาจากรพ.อื่น) และรายได้บริหารศูนย์หัวใจ (ให้กับรพ.สิรินธร, รพ.สมุทรปาการ และรพ.ระยอง) ซึ่งมียอดรายได้สะสม 315 ลบ. ณ 1Q23 (35% ของวงเงินสูงสุด (Fig. 5))  (ii) รายได้เพิ่มขึ้นจาก SSO หลังปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายรายหัว 10% เป็น 1,808 บาท/คน/ปี โดยมีผลวันที่ 1 พ.ค. (iii) การระบาดของโรคโควิด, ไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ในปลาย 2Q23 (เร็วกว่าปกติที่มักจะระบาดในช่วงกลาง 3Q) (iv) CH 304 และ CH RPC พลิกเป็นกำไร

 

กำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H

เนื่องจาก (i) โรคตามฤดูกาล (ii) รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการผ่าตัดหัวใจของผู้ป่วย SSO จากรพ.อื่น ซึ่งต่อสัญญาถึงสิ้นปี 2023 และ (iii) รับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากค่าเหมาจ่ายรายหัวที่ปรับขึ้นของ SSO  ส่วนขาดทุนของรพ.ใหม่ (CH แม่สอด และ CH Medical Center 2) เริ่มตั้งแต่ 1Q23 (จะคุ้มทุนใน 3-4 ปีข้างหน้า)