ติดตามความคืบหน้าการพูดคุยพรรคแกนนำเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเย็นนี้

ติดตามความคืบหน้าการพูดคุยพรรคแกนนำเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเย็นนี้

แรงกดดันการเมืองระยะสั้นทรงตัว เสียงสนับสนุนที่เพิ่มเข้ามาอาจทำให้ตลาดเริ่มตอบรับเชิงบวก ทั้งนี้เรามองแรงกดดันเชิงลบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อธุรกิจและกลุ่มทุนต่างๆในระยะสั้นจะเริ่มจำกัด

และตลาดจะเริ่มให้ความสนใจกับโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อสร้างความชัดเจนทางการเมือง ปัจจัยติดตามที่สำคัญ ได้แก่ 1) พรรคก้าวไกล ประสานไปยังพรรคการเมืองที่ร่วมทำงานกันในฝ่ายค้านปัจจุบัน ได้แก่ พรรคเพื่อไทย เสรีรวมไทย ประชาชาติ และไทยสร้างไทย เพื่อพูดคุยถึงการจัดตั้งรัฐบาล วันนี้ (17 พ.ค.) เวลา 16.00 น. ทั้งนี้เสียงรวมกันของทั้ง 5 พรรคอยู่ที่ 309 เสียง ต้องการอีก 67 เสียงเพื่อให้เกิน 376 เสียง มากกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วมรัฐสภา 2) สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่งเริ่มสนับสนุนการลงมติสนับสนุนให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี (ประชาธิปัตย์มี 25 เสียง) 3) ท่าทีของส.ว.ส่วนใหญ่ยังไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกล แม้อาจมีส.ว.บางท่านมีแนวโน้มคล้อยตามเสียงลงคะแนนของประชาชนในรอบนี้
 

ปัจจัยภายนอก เพดานหนี้สหรัฐฯ และความเห็นกรรมการเฟด ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ยังไม่มีข้อสรุป แม้ทั้งสองฝ่ายจะมีมุมมองเชิงบวกว่าการเจรจาหารือน่าจะได้ข้อยุติในเวลาไม่นานแต่ฝั่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เตือนว่าความเห็นของทั้งสองฝ่ายยังมีความแตกต่างกันมาก ซึ่งเราเชื่อว่าประเด็นสำคัญที่สุดคือเรื่องของการปรับลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะกระทบต่อมุมมองการเติบโตทางเศรษบกิจได้ ขณะที่ความเห็นของกรรมการเฟดหลายท่านยังกังวลเงินเฟ้อ และไม่ปิดโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ย เรามองความเป็นไปได้นี้จะเป็นปัจจัยรบกสนตลาด จนกว่าจะเห็นการยืนยันมุมมองดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ผ่านจุดสูงสุด หรือเห็นการคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป 14 มิ.ย.66

 


 

ภาพรวมกลยุทธ์: ผันผวนในกรอบระหว่างรอความชัดเจนตั้งรัฐบาล เน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) อย่างไรก็ตามในทางกลยุทธ์ สำหรับผู้เก็งกำไรระยะสั้น อาจต้องระวังการปรับลดลงต่ำกว่า 1,540 จุด จะทำให้มีความเสี่ยงทางลงในระดับต่ำกว่า 1,520 จุด 

หุ้นแนะนำ: ESSO*, BGC, SAMTEL*, SAMART*

แนวรับ: 1,529 / แนวต้าน : 1,550-1,560 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

เฟดสาขาแอตแลนตาเผยแบบจำลอง GDPNow – บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.6% ใน Q2/66 หลังจากขยายตัว 1.1% ใน Q1/66 เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 17 พ.ค.

ส.อ.ท.จ่อยื่นรบ.ใหม่เบรกค่าแรง  – โดยมองว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดด ฉุดขีดแข่งขัน เสี่ยงสินค้าขึ้นราคาทำค่าครองชีพพุ่ง และกระทบการลงทุนตรงจากต่างประเทศ แนะยึดค่าแรงตามทักษะฝีมือแรงงาน ก่อนขึ้นควรผ่านการตัดสินใจจากไตรภาคี พร้อมเกาะติดตั้งรัฐบาล ย้ำต้องเร็ว หวั่นกระทบงบประมาณปี 67-68 ล่าช้า ซ้ำเติมเศรษฐกิจ ยันหนุนเปิดเสรีกิจการไฟฟ้า สานต่อ BCG-EEC

 

 

ตลาดอสังหาฯ ปี 66 เสี่ยงชะลอตัวจากหลายปัจจัยลบ – ธอส. และ REIC ประเมินว่าภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์เริ่มลดลง แต่ลดลงเพียง 0.8% ใน 1Q23 โดยกลุ่มแนวราบ เป็นกลุ่มที่การโอนหดตัวมากที่สุดที่ 6.8% yoy แต่การโอนคอนโดมิเนียมยังเห็นการเติบโตขึ้น 18.7% yoy จากการที่ใน 1Q23 มีโครงการใหม่เริ่มทยอยโอน และได้รับแรงหนุนจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อในหัวเมืองใหญ่

BTS พร้อมทวงหนี้ค่าเดินรถหมื่นล้านจากรัฐบาลใหม่ –BTS ตั้งท่าทวงหนี้รัฐบาลใหม่ก้อนแรก 1.1 หมื่นลบ. ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงสีเขียวส่วนต่อขยาย คาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ส่วนสายสีเหลืองพร้อมเปิดเดินรถมิ.ย. 23 ขณะที่ต้นปี 24 ผู้โดยสารบีทีเอสกลับสู่ระดับปกติ 77.5 แสนคนต่อวัน หลังล่าสุดแตะระดับ 80%

 

ประเด็นติดตาม: 16 พ.ค. – US Retail Sales / 17 พ.ค. – US Building Permits, EU CPI / 18 พ.ค. – US Existing Home Sales / 23 พ.ค. – US Services PMI, New Home Sales 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)