SCCC ผลประกอบการ 1Q66: มีความหวังว่าจะฟื้นตัวได้!

SCCC ผลประกอบการ 1Q66: มีความหวังว่าจะฟื้นตัวได้!

ผลประกอบการ 1Q66 – เป็นไตรมาสที่มีการขึ้นราคาขายในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น

SCCC พลิกเป็นกำไรสุทธิ 758 ล้านบาทใน 1Q66 (จากขาดทุนสุทธิ 903 ล้านบาทใน 4Q65 และ 802 ล้านบาทใน 1Q65) เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย deferred tax 686 ล้านบาทเหมือนใน 4Q65 และมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 236 ล้านบาทใน 1Q66 ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจหลักอยู่ที่ 522 ล้านบาท (จากขาดทุนหลัก 167 ล้านบาทใน 4Q65 และ กำไรหลัก 1.5 พันล้านบาทใน 1Q65) คิดเป็น 15% ของกำไรปี 2566F ของเราเนื่องจากธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างดีขึ้น

 

Margin ฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางอุปสรรค

EBITDA ของ SCCC ใน 1Q66 อยู่ที่ 1.96 พันล้านบาท (+109% QoQ, -8% YoY) โดย EBITDA margin อยู่ที่ 17.2% (จาก 7.6% ใน 4Q65 และ 16.9% ใน 1Q65) เนื่องจากบริษัทใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะขึ้นราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และปริมาณยอดขายที่ลดลงในบางตลาด EBITDA ที่ลดลง YoY เป็นเพราะแรงกดดันทางด้านต้นทุน (ถ่านหิน, วัสดุ และต้นทุนค่าระวางแพงขึ้น) ในขณะที่อุปสงค์ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ เนื่องจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ และภาวะความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่วน EBITDA ที่ดีขึ้น QoQ เป็นเพราะมีการขึ้นราคาขาย โดยเฉพาะในธุรกิจปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างมวลเบา ซึ่ง EBITDA อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (+87% QoQ, -47% YoY) และ 303 ล้านบาท (+30% QoQ, +16% YoY) ส่วนผล
ประกอบการของธุรกิจอื่น ๆ ยังใกล้เคียงเดิมทั้งในแง่ของปริมาณและ margin

 

 

 

มุมมองของเรา – ยังมีความหวัง

เรายังคงประมาณการกำไรปี 2566-22567F เอาไว้เท่าเดิม โดยคาดว่า margin ของ SCCC จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2H66 ทั้งนี้ เราคาดว่าผลประกอบการรายไตรมาสของ SCCC จะดีขึ้นเป็นลำดับในช่วง 1Q-2Q66 (+QoQ, -YoY) ก่อนที่จะดีดตัวแรงใน 3Q-4Q66 (+QoQ, +YoY) เราคาดว่าราคาถ่านหินและดัชนี BDI ขาลงน่าจะส่งผลชัดเจนขึ้นใน 2H66 ในขณะที่คาดว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และโครงการที่อยู่อาศัยของภาคเอกชนจะแข็งแกร่งมากขึ้นหลังการเลือกตั้งใน 2Q66 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อประเทศไทยเดินหน้าเปิดประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าสถานการณ์ในเวียดนาม และศรีลังกาน่าจะคลี่คลายลงไปได้บ้างอีกด้วย

 

Valuation

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 182 บาท อิงจาก PE ที่ 15.3x (ค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง) ทั้งนี้ ราคาหุ้นลดลงมาแล้วถึง 13% YTD จนใกล้ระดับ -2 S.D. จากค่าเฉลี่ย PBV ในอดีต ซึ่งสวนทางกับสถานการณ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เป็นลำดับ

 

Risk

ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน, การขยายตัวของเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของประเทศ