TACC คาดรายได้ปี 66 เติบโต 10% แต่กำไรทรงตัว ถูกกดดันจากมาร์จิ้นที่อ่อนแอ

TACC คาดรายได้ปี 66 เติบโต 10% แต่กำไรทรงตัว  ถูกกดดันจากมาร์จิ้นที่อ่อนแอ

งวด 4Q65 กำไร 44 ลบ. -23%YoY -29%QoQ ส่วนทั้งปี 65 มีกำไร 235 ลบ. (ใกล้เคียงกับที่คาด): บริษัทรายงานรายได้งวด 4Q65 420 ลบ. +19%YoY +10%QoQ มีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season

ประกอบกับได้อานิสงส์จากการเปิดเมือง รวมทั้งได้แรงหนุนจากการขยายสาขา 7-Eleven (+704 สาขา YoY, +178 สาขา QoQ) และการจัดกิจกรรมทางตลาดช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม %GPM ปรับลดลงสู่ 30.80% (4Q64 = 38.98%, 3Q65 = 35.14%) โดยหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ประกอบกับสัดส่วนรายได้ในกลุ่มที่มาร์จิ้นน้อยเพิ่มสูงขึ้น อาทิ กลุ่มเครื่องดื่มโถกดเย็น ส่วน %SG&A/Sales ปรับสูงขึ้นสู่ 17.60% (4Q64 = 18.56%, 3Q65 = 16%) จากค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมทางตลาดในช่วงปลายปีที่เร่งสูงขึ้นตามฤดูกาล ส่งผลให้งวด 4Q65 กำไร 44 ลบ. -23%YoY -29%QoQ โดยทั้งปี 65 มีรายได้และกำไรสุทธิ 1,523 ลบ. +11%YoY และ 235 ลบ. (ใกล้เคียงกับที่คาด)  +10%YoY ตามลำดับ

•    คาดแนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 อ่อนลง YoY แต่ดีขึ้น QoQ: เราคาดแนวโน้มรายได้ 1Q66 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ตามการขยายสาขาใหม่ 7-Eleven ราว 150-200 สาขาจากไตรมาสก่อน (รายได้หลักพึ่งพา 7-Eleven กว่า 90%) ประกอบกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วยหนุนกำลังซื้อโดยรวมเพิ่มขึ้น เป็นผลบวกทั้งกลุ่มร้าน 7-Eleven และ Non 7-Eleven อย่างไรก็ตาม คาด %GPM ช่วง 1Q66 จะทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับ 4Q65 ราว 30.8% เทียบกับช่วง 1Q65 ที่ 39% จากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงสูง หลังจากมีการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ส่งผลให้เราคาดแนวโน้มผลประกอบการช่วง 1Q66 จะหดตัว YoY แต่ปรับดีขึ้น QoQ

 


 

•    ประมาณการสำหรับปี 66 คาดรายได้เติบโต 10%YoY แต่คาดกำไรทรงตัวจากปีก่อน ถูกกดดันจากมาร์จิ้นที่อ่อนแอ: เราคงประมาณการรายได้ปี 66 ราว 1,683 ลบ. +10%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทั้งกลุ่มร้าน 7-Eleven และ Non 7-Eleven 

กลุ่มร้าน 7-Eleven: ร้าน 7-Eleven ฟื้นโตดีขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง และได้อานิสงส์จากแผนขยายสาขา 7-Eleven ภายในประเทศราว 700 แห่ง และ 7-Eleven ที่กัมพูชาคาดขยาย 10 แห่ง ส่วน 7-Eleven ที่มาเลเซีย ปัจจุบันมีทั้งหมด 2,400 แห่ง โดยปีก่อนบริษัททดลองเข้าไปจำหน่ายสินค้าแล้ว 50 แห่ง ส่วนปีนี้คาดขยายเข้าไปขายเพิ่มเป็น 200 แห่ง

กลุ่ม Non 7-Eleven: 1) ธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัทมีแผนขยายการขายสินค้าเข้าไปยังร้าน Café ที่เป็นพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง อาทิ Jungle Café, Black Canyon, ARABITIA, Lotus’s Hypermarket, Bon Café และกาแฟพันธุ์ไทย เป็นต้น 2) License Business มีแผนขยายไปยังนอกประเทศมากขึ้น อาทิ กลุ่ม CLMV สิงคโปร์ และมาเลเซีย และยังได้รับลิขสิทธ์ตัวการ์ตูนใหม่ๆ ในการขายเพิ่มเติม อาทิ Warbie Yama และกลุ่ม Line Creators เป็นต้น 3) ผลิตภัณฑ์ใหม่ “TRIVA” ไซรัปผลไม้เข้มข้นจากธรรมชาติ มีแผนการจัดจำหน่ายไปยังร้าน Café ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น และ  4) แผน M&A รุกธุรกิจ Health and Wellness ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา บริษัทเปิดเผยว่าได้เข้าลงทุนในบริษัท เฮลธ์ อินสไปร์ด แพลนเนต จำกัด (HIP) ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพแบรนด์ Bloss Natura มูลค่าลงทุนกว่า 40 ลบ. (ถือหุ้น 89%) ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วง  2Q66 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้รวมในประมาณการปี 66

 

 

คาด %GPM ปรับลดลงสู่ระดับ 33% จากปีก่อนที่ระดับ 35% และปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 38% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงสูงในช่วง 1H66 หลังจากมีการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน แต่คาดจะปรับดีขึ้นในช่วง 2H66 เป็นต้นไป โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาปรับขึ้นราคากับคู่ค้า หากสำเร็จจะเป็นอัพไซต์ต่อประมาณการปี 66 ทั้งนี้ เราคาดกำไรปี 66 ราว 231 ลบ.  -2%YoY ซึ่งปรับจากประมาณการเดิมลดลง 17% โดยหลักมาจาก %GPM ที่มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าประมาณการเดิม

•    คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเหมาะสมลดลงสู่ 7.60 บาท เรามีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการปี 66 ที่คาด 1H66 จะถูกกดดันจากต้นทุนผลิตที่ทรงตัวสูง แต่คาดจะทยอยดีขึ้นตั้งแต่ช่วง 2H66 เป็นต้นไป โดยเราประเมินราคาเหมาะสม TACC ที่ 7.60 บาท ปรับลดลงจากราคาเหมาะสมเดิมที่ 8.20 เนื่องจากปรับคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 66 ลดลงสู่ 0.38 บาท จากเดิม 0.46 บาท โดยอิง Prospective PER ที่ระดับ 20x ณ ระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งยังคงต่ำกว่า PE ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ระดับ 25x โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมีอัพไซต์ราว 26% ประกอบกับบริษัทไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย และจ่ายปันผลในอัตรากว่า 5% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

ความเสี่ยง

1) การแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่รุนแรง
2) รายได้กว่า 90% พึ่งพาร้าน 7-Eleven
3) ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ