Sideways Down ซื้อเก็งกำไร KKP BBL TISCO
คาดดัชนีฯ Sideways Down แนวต้าน 1,631/1,649 จุด แนวรับ 1,612/1,605 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร KKP BBL TISCO ทางเทคนิคอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่เริ่มเข้าเขต Overbought Area สะท้อนความเสี่ยงของการปรับฐานในระยะสั้น
ส่วนโมเมนตัมลงทุนวันนี้เป็นลบ หลัง เฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% (ตามคาด) แต่ถ้อยแถลงหลังประชุมกลับส่งสัญญาณว่าอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าคาดการณ์ (เป็นลบต่อหุ้นกลุ่ม Growth และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แต่เป็นบวกกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันฯ) ไฮไลท์วันนี้ คือ BOE Meeting คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็น 3.0% (ครั้งก่อนหน้าปรับขึ้น 0.5% เป็น 2.25%); US/China/UK รายงานภาคบริการเดือน ต.ค. คาดลดลง MoM เป็น 55.5 (Vs เดือน ก.ย. 56.7)/49.1 (Vs เดือน ก.ย. 49.3)/47.5 (Vs เดือน ก.ย. 50) ตามลำดับ; 3Q22E Earnings Results US: Conoco Phillip, Starbuck / Thailand: ADVANC LPN SMT
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ
+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC CK TCAP BH BEM AOT BBL EA KKP CPN MINT KTB TTB BDMS
+ Daily Recommendations: KKP BBL TISCO (รับ Sentiment เชิงบวกระยะสั้นจาก Bond Yields ของสหรัฐฯ และไทย ที่สูงขึ้น หลังจากถ้อยแถลงของเฟดยังไม่ได้มีการส่งสัญญาณการชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชัดเจน)
+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำท่วม: GLOBAL HMPRO DOHOME
+ หุ้นได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น: CENTEL ERW AOT BAFS AAV SPA
ปัจจัยบวก
+ Thailand: นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยและ Long สุทธิใน SET50 Index Futures โดยวานนี้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้น +26.19 ล้านบาท และ Long สุทธิใน SET50 Index Futures +4,399 สัญญา
ปัจจัยลบ
- US: ผลประชุมเฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาด สู่ระดับ 3.75-4.00% แต่ถ้อยแถลงของประธานเฟด หลังประชุม ยังคง Hawkish กว่าที่ตลาดคาด กล่าวคือ แม้เฟดจะเริ่มให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และคำนึงถึงผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบที่ผ่านมามากขึ้น แต่ยังคงมีมุมมองว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการยุติวงจรปรับขึ้นดอกเบี้ย และเฟดอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่า Dot Plot ที่เคยคาดการณ์ ในเดือน ก.ย. (ซึ่งคาดว่า ณ สิ้นปี 2022E อยู่ที่ 4.40% และปี 2023E ที่ 4.60%) ทำให้ตลาดกลับมามีความกังวลถึงโอกาสในการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. 2022
ประเด็นสำคัญ
- 3Q22E Earnings Results: US: Conoco Phillip, Kellogg, Marriott, Starbuck / Thailand: ADVANC LPN SMT
- Japan: ตลาดหุ้นปิดทำการ (Culture Day)
- BOE Meeting คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็น 3.0%
- US/China/UK: รายงาน PMI ภาคบริการเดือน ต.ค. คาดลดลง MoM เป็น 55.5 (Vs เดือน ก.ย. 56.7)/49.1 (Vs เดือน ก.ย. 49.3)/47.5 (Vs เดือน ก.ย. 50) ตามลำดับ
Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบวันแรก: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1,622.30-1,630.56 จุด ตลอดการซื้อขาย เพื่อรอลุ้นผลประชุมเฟด และปิดตลาดที่ 1,625.02 จุด -0.71 จุด วอลุ่มซื้อขาย 6.5 หมื่นล้านบาท (หุ้นใหม่ BTG มีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 8.7 พันล้านบาท) นำลงโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -0.84% เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -0.7% และนำขึ้นโดยกลุ่มบรรจุภัณฑ์ +2.58% การแพทย์ +0.95% หุ้นบวก >4% MORE KWM BCP EKH PRINC WAVE NFC AJ หุ้นลบ >4% BTG AAI KCC FORTH KISS U D
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดลบ: DJIA -1.55% S&P500 -2.50% NASDAQ -3.36% หุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดลบ หลังจากการแถลงของประธานเฟด หลังการประชุม โดยส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไปและมีโอกาสที่จะสูงกว่าประมาณการเดิม ซึ่งสวนทางกับ FOMC Statement ซึ่งมีการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจชะลอเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ตัวเลข ADP Employment เดือน ต.ค. ออกมาดีกว่าคาด (+2.39 แสนคน vs. คาด +1.95 แสนคน) อาจเปิดโอกาสให้เฟดยังคงเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งกดดันหุ้น Big Cap กลุ่มเทคฯ ปรับตัวลดลง (Amazon -4.82% Meta -4.89% Tesla -5.6% Netflix -4.8%) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ CAC40 -0.81% DAX -0.61% FTSE -0.58% นำลบโดยหุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือน, กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น เพื่อรอผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งประกาศหลังปิดตลาดไปแล้ว
+ ราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: WTI +USD1.63 ปิดที่ USD90.0/บาร์เรล Brent +USD1.51 ปิดที่ USD96.16/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงมากกว่าคาด (-3.11 ล้านบาร์เรล vs. คาด +3.67 แสนบาร์เรล) ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ส่วนราคาทองคำปิดบวกเล็กน้อย +30 เซนต์ ปิดที่ USD1,650.00/ออนซ์ เนื่องจากการรอลุ้นรายงานผลประชุมเฟด โดยตลาดทองคำปิดทำการไปก่อนการประกาศผลประชุมเฟด
ประเด็นสำคัญ
- US: คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เข้มงวดที่สุดของเฟด นับตั้งแต่ที่เฟดกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเครื่องมือสำคัญด้านนโยบายการเงินในปี 1990 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008
- US: ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 239,000 ตำแหน่ง ในเดือน ต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง จากระดับ 192,000 ตำแหน่ง ในเดือน ก.ย. โดยภาคบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 247,000 ตำแหน่ง ในเดือน ต.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 8,000 ตำแหน่ง
+ UK: ปอนด์แข็งค่าราว 0.17% สู่ระดับ 1 ปอนด์ ต่อ 1.15 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้
+/- Thailand: คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2022 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.0-3.5% มูลค่าการส่งออก ขยายตัว 7-8% และอัตราเงินเฟ้อ 6.0-6.5% โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ตามการปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว และอุปสงค์ภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ผลกระทบจากน้ำท่วมอยู่ในวงจำกัด โดยในระยะข้างหน้าจำเป็นต้องติดตามความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และทบทวนการถอนนโยบำยสนับสนุนเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)
หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: SINGER AMANAH COM7
หุ้นแนะนำเก็งกำไร: KKP BBL TISCO
Derivatives: แนะ Wait&see หลังปิด Long S50Z22 ทำกำไรไปแล้ว