ติดตามประชุม Fed (วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565)
ตลาดหุ้นวานนี้ SET Index พุ่งแรง 17 จุด ปิดที่ระดับ 1,626 จุด Fund Flow ไหลเข้าหนุนหุ้น Big Cap บวกแรงนำโดย PTTEP SCC DELTA และ GULF
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้
ประเมิน SET ปรับตัวขึ้น 1,630 - 1,635 จุดก่อนสลับอ่อนตัว แม้ Fund flow ต่างชาติจะยังหนุนตลาดในช่วงนี้ รวมถึงกระแสข่าวจีนคลายล็อคดาวน์ อย่างไรก็ตามตลาดแรงงานสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่งจะหนุนให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยต่อไป อีกทั้งแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุม FED จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy
หุ้นที่คาด 3Q22 เติบโต BDMS BH CPF TU GFPT BANPU EPG BEM BTS WHA
AOT CENTEL ERW BA AAV SPA SISB AU CPN CRC CPALL อานิสงส์การเปิดประเทศและคาดงบ 3Q22 เติบโต
KBANK BBL SCB KTB TTB อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น
หุ้นแนะนำวันนี้
PLANB (ปิด 7.25 ซื้อ/เป้า 8.50) ธุรกิจสื่อ OOH กำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นงบที่ชะลอตัวใน 3Q22 เป็นโอกาสในการเข้าซื้อคาดหวังกำไรฟื้นตัวใน 4Q22 และกลับมาทำ All Time high ในปีหน้า
EKH (ปิด 8.05 ซื้อ/เป้า 9.20) EKH จะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของไทยและจีนรายได้ non-Covid และ IVF จากลูกค้าจีนจะกลับสู่ระดับก่อนโควิดเบื้องต้นคาดกำไรจะโต 9% และ 18% ในปี 2023 และ 2024
บทวิเคราะห์วันนี้
BGRIM, GPSC, Thailand Strategy
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) น้ำมันดิบบวกต่อ สต็อกน้ำมันลด คาดหวังจีนเปิดประเทศ: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.84$ (+2.1%) ปิดที่ระดับ 88.37$/bbl หลังจากสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 แสนบาร์เรล และยังได้แรงหนุนจากกระแสคาดหวังจีนเปิดประเทศ
(-) FED Meeting - Key focus อยู่ที่ถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด: นักลงทุนมองข้ามการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ไปแล้ว และให้ความสำคัญต่อการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. และปีหน้ามากกว่า ดังนั้น Key focus จึงอยู่ที่ถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด ว่าจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. และปีหน้าอย่างไรหากโทนยังเป็น Aggressive จะสร้างความผิดหวังให้กับตลาดกดดัชนีร่วงแรง
(+/-) วันศุกร์การจ้างงานของสหรัฐอาจเปลี่ยนท่าทีของตลาด: โดยเฉพาะหากการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm payrolls) ของสหรัฐเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2-2.4 แสนตำแหน่ง และมีอัตราการว่างงานลดลงต่ำกว่าระดับ 3.5% จะทำให้โอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้ง ปัจจัยนี้จะสร้างความกังวลให้นักลงทุนและเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดในสัปดาห์ถัดไป