ปัจจัยภายนอกรวมถึงการ rebalancing ยังกดดันหุ้นในช่วงต.ค.

ปัจจัยภายนอกรวมถึงการ rebalancing ยังกดดันหุ้นในช่วงต.ค.

เรามองความรุนแรงในยูเครนที่เพิ่มขึ้น เกิดจากรัสเซียบีบให้เกิดการเจรจา เหตุระเบิดที่สะพาน Kerch ที่เชื่อมต่อระหว่างรัสเซียกับไครเมีย เป็นชนวนของการตอบโต้ระลอกใหม่ของรัสเซีย ส่งผลให้มีการยิงขีปนาวุธเข้าสู่กรุงเคียฟเมืองหลวงยูเครน และเกิดเหตุระเบิดหลายครั้ง

ซึ่งเราประเมินดังนี้ 1) สถานการณ์ของรัสเซียไม่ดีนัก ความสูญเสียอาวุธและยานพาหนะ ทำให้โมเมนตัมการรบเปลี่ยนมาทางฝั่งยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนอาวุธจากตะวันตก 2) แม้มีการประกาศรับรองพื้นที่ 4 แคว้นเข้าเป็นดินแดนรัสเซีย และมีอาวุธนิวเคลียร์ แต่หากนำมาใช้จริง มีแนวโน้มที่รัสเซียจะโดนคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากทุกประเทศ 3) การบีบให้ยูเครนเข้าสู่การเจรจา โดยที่รัสเซียยังสามารถรักษาชัยชนะบางส่วนจากสงครามช่วงต้นไว้ได้ เป็นทางเลือกที่ดี ทั้งต่อทางเศรษฐกิจและการเมือง // ดังนั้นเรามองการพยายามสร้างต้นทุนความเสียหายจากสงครามให้ยูเครนในระลอกนี้ เป็นสัญญาณต้องการเจรจา อย่างไรก็ตามการเจรจาให้ผลลัพธ์เป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝั่งยังเป็นเรื่องยาก และน่าจะต้องใช้เวลา 

 

ภาพรวมการลงทุนต.ค.ยังมีโอกาสชะลอตัวจากปัจจัยเสี่ยงภายนอก ได้แก่ 1) การเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอยของยุโรป ที่จะฉุดเศรษฐกิจโลก (ควรติดตามรายงานเศรษฐกิจรายไตรมาส ของ IMF 11 ต.ค.) 2) สหรัฐฯ ประกาศมาตรการควบคุมเซมิคอนดัคเตอร์ต่อจีนรอบใหม่ที่เข้มข้นขึ้น อาทิ ห้ามส่งออกชิปกลุ่มโลจิคที่ใช้เทคโนโลยี 16nm (จากเดิม 12nm), การห้ามส่งออกชิปหน่วยความจำ (DRAM เทคโนโลยี 18nm ลงไป/ NAND 128 Layers ขึ้นไป) และ การห้ามส่งออกเครื่องจักรในการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์บางประเภท 3) ความกังวลสถานการณ์หนี้และตราสารหนี้ของประเทศ (Sovereign debt crisis) หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ต้องขยายเวลาแทรกแซงตลาดพันธบัตร ออกไปอีกราว 1 เดือน จากกำหนดการเดิมที่จะสิ้นสุด 14 ต.ค. บ่งชี้ว่าตลาดขาดความเชื่อมั่น 4) การขายปรับพอร์ต rebalancing หลังหุ้นไทยลดลงน้อยกว่าตลาดโลก จนน้ำหนักการลงทุนผิดเพี้ยนไปจากภาพรวม   
 

 

 

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 2) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 3) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  4) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 5) กลุ่มไฟฟ้าแผน PDP ใหม่ บวกกับ EGCO, RATCH, GULF, GUNKUL, SSP 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, MBK, SAMART, ARIN, SVT, MC, TKN, SCGP, KISS, TC 

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ระยะสั้น SET Index ยังมีโอกาสชะลอตัว ลงสู่แนวรับ 1,564/1,550/1,520 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มที่ลงเยอะมีโอกาสเป็นเป้าหมายเก็งกำไร แต่ไม่ถือถึงงบออก ส่วนกลุ่มพลังงานสามารถเก็ง PTTEP ตามแนวรับ ส่วนหุ้นโรงกลั่นกำไรไตรมาส 3 ชะลอหนัก เก็งกำไรระมัดระวัง (ถ้าจะเลือก ชอบ SPRC) //หุ้นแนะนำ: MAKRO*, SSP*, TU*, FLOYD*

แนวรับ: 1,550-1,564 / แนวต้าน : 1,579-1,590 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

ประเด็นการลงทุน

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซนต่ำสุดรอบกว่า 2 ปี – ร่วงลงสู่ระดับ -38.3 จากระดับ -31.8 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -34.7

สี จิ้นผิง เรียกประชุมผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ก่อนประชุมใหญ่ 16 ต.ค. – ซึ่งคาดว่าการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเป็นการปูทางให้เขาดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนเป็นสมัยที่ 3

จีนเผชิญวิกฤติโควิดระลอกใหม่ ก่อนประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ - อาทิตย์ที่ 9 ต.ค. จีนตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1,939 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากช่วงหยุดยาววันชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นายกฯมาเลเซียประกาศยุบสภา พร้อมจัดเลือกตั้งใหม่ต้นพ.ย. – เป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 61 และต้องจัดขึ้นภายใน 60 วันนับจากวันยุบสภา 

มาเลเซียเตรียมผ่อนคลายมาตรการห้ามส่งออกไก่วันนี้ – ผ่อนคลายข้อกำหนดการส่งออกไก่มีชีวิตตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. โดยจะกลับมาส่งออกไก่ 1.8 ล้านตัวต่อเดือน หลังมีการสั่งห้ามส่งออกเมื่อช่วงต้นปีเพื่อบรรเทาภาวะอุปทานตึงตัวในประเทศ

MAKRO ยืนยันไม่เข้าร่วมประมูลซื้อ Metro อินเดีย – ผู้บริหารยืนยันในการประชุมนักวิเคราะห์ว่าบริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับดีลการซื้อ ช่วยปลดล็อกความกังวลที่มีต่อหุ้น MAKRO และ CPALL ซึ่งก่อนหน้านี้ MAKRO ถูกมองว่าแป็นตัวแทนในการเข้าซื้อ

ออมสิน ลุยธุรกิจ P-Loan กดดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด 5% – ในปี 66 ธนาคารออมสินเตรียมจะเข้าไปทำธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) เต็มตัว โดยจะเป็นการปล่อยสินเชื่อบุคคล (P-Loan) โดยจะให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด -5% หรืออยู่ที่ประมาณ 20% จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ที่ประมาณ 25%

ตลท.ขยายเวลา TEAMG ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 2 – ถึง 31 ต.ค.

 

ประเด็นติดตาม: 12 ต.ค. – US PPI / 13 ต.ค. – US CPI / 14 ต.ค. - US Retail Sales / 19 ก.ย. – EU CPI, US Building Permits / 20 ก.ย. – US Existing Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)