BIZ กำไรรายไตรมาสผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว

BIZ กำไรรายไตรมาสผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว

รายงานกำไร 2Q65 ที่ 25 ลบ. ต่ำกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย หดตัว 85%YoY และหดตัว 27%QoQ : งวด 2Q65 บริษัทมีรายได้ 222 ลบ. หดตัว 33%QoQ และหดตัว 65%YoY

เนื่องจากในไตรมาสนี้มีการส่งมอบเครื่องฉายรังสีเพียง 1 เครื่องมูลค่า 114.5 ลบ.ซึ่งมูลค่าไม่ได้สูงเท่ากับ 1Q65 ที่มีมูลค่า 229.5 ลบ. แต่รายได้จากการบริการและรายได้จากโรงพยาบาลยังเติบโตจากไตรมาสก่อนสู่ 81.2 ลบ. และ 23.9 ลบ. เติบโต 9%QoQ และ 6%QoQ ตามลำดับ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 19.7% ในไตรมาสก่อนสู่ 23.0% เนื่องจากสามารถส่งมอบเครื่องฉายรังสีได้เร็วกว่าแผนทำให้ต้นทุนขายลดลง ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลง 11%QoQ จาก 17.8 ลบ.สู่ 15.9 ลบ. หากคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ปรับตัวลงจากระดับ 7.75% สู่ 7.2% เนื่องจากค่าใช้จ่ายบุคลากรลดลง ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 1H65 ที่ 59.5 ลบ. หดตัว 69%YoY โดยคิดเป็น 33% ของประมาณการ 

BIZ กำไรรายไตรมาสผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว

-  คาดธุรกิจโรงพยาบาลจะถึงจุดคุ้มทุนในปี 2565 และเตรียม JV  กับโรงพยาบาลอื่นเพิ่มเติม : โรงพยาบาล CAH มีรายได้ 2Q65 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 23.9 ลบ. ตามตารางที่แสดงด้านบน แต่มีผลขาดทุนราว 1.04 ลบ. ถูกกดดันจากดอกเบี้ยเงินกู้และค่าเสื่อมราคาราว 2.6 ลบ.ต่อไตรมาสและ 4.09 ลบ.ต่อไตรมาสตามลำดับ และมีรายได้ปี 64 ที่ 75 ลบ. เติบโต 142%YoY โดยปี 64 มีผลขาดทุนลดลงเหลือ 5.2 ลบ. ลดลงจากปี 63 ที่มีผลขาดทุน 42 ลบ. ทั้งนี้ เราคาดว่าปี 65 ธุรกิจโรงพยาบาลจะเริ่มสร้างกำไรเนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังได้รับเงินจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิราว 280 ลบ. ภายในต้น 4Q65 นอกจากนี้ BIZ อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าร่วมทุน (JV) กับโรงพยาบาลในต่างจังหวัด 1-2 แห่งซึ่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปีนี้ 1 แห่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้จากโรงพยาบาลเพิ่มเติม

BIZ กำไรรายไตรมาสผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว

-  คงประมาณการปี 65 และ 66 เนื่องจากอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ 1.0 พันลบ. : เราคงประมาณการรายได้ปี 65 ที่ 1.51 พันลบ. (รายได้ 2H65 คิดเป็น 36% ของทั้งปี) ลดลง 49% จากปี 64 ที่มีการส่งมอบงานใหญ่ ทั้งนี้ บริษัทมี Backlog ณ 23 ส.ค. 65 อยู่ที่ 1.58 พันลบ. ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบในปี 65 ราว 770 ลบ. และอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อีกราว 1 พันลบ. โดยเราคาดว่าจะได้งานราว 600-700 ลบ. ซึ่งงานที่ประมูลได้จะบันทึกเป็นรายได้ในปี 66 ทั้งนี้เราคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20.2% และคงประมาณการกำไรปี 65 ที่ 182  ลบ. แม้ว่ากำไร 1H65 จะคิดเป็นเพียง 33% ของประมาณการแต่เราคาดว่า 2H65 รายได้จะเร่งตัวขึ้นจากการส่งมอบเครื่องฉายรังสี 3 เครื่องมูลค่ารวม 770 ลบ. ขณะที่ปี 66 เราคงประมาณการรายได้และกำไรที่ 1.63 พันลบ.และ 202 ลบ. เติบโต 8% และ 11% ตามลำดับ เนื่องจากมี Backlog รอส่งมอบในปี 66 ราว 800 ลบ. และคาดว่าจะประมูลงานใหม่ได้ 600-700 ลบ.ซึ่งจะส่งมอบภายในปี 66

-  คงคำแนะนำ “ถือ” แต่ปรับลดราคาเหมาะสมเหลือ 5.65 บาท : เราประเมินมูลค่าด้วยวิธี SOTP ได้ราคาเหมาะสมธุรกิจติดตั้งเครื่องฉายรังสีที่ 5.32 บาท โดยปรับใช้ P/E ratio เฉลี่ยย้อนหลังจาก 1 ปีที่ 22 เท่า (P/E ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีของ 1Q65 และ 2Q65 อยู่ที่ 22 เท่าและ 11 เท่าตามลำดับ เพราะกำไร 3Q65 สูงผิดปกติทำให้ค่า P/E ratio ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ) เป็นเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 19 เท่า เนื่องจากปี 64 กำไรสูงจากการส่งมอบงานใหญ่ทำให้ค่า P/E ratio ต่ำผิดปกติ และประเมินราคาเหมาะสมโรงพยาบาลมะเร็งอีก 0.33 บาท/หุ้น (อิง PBV 1 เท่าซึ่งเป็นไปตามหลักระมัดระวัง บริษัทถือหุ้นโรงพยาบาลฯ 65%) ได้ราคาเหมาะสม 6.58 บาท โดยราคาเหมาะสมที่คำนวณได้ใช้จำนวนหุ้น 640 ล้านหุ้นตามวิธี Fully diluted ซึ่งรวมผลกระทบจากการจ่ายปันผลเป็นหุ้นและการใช้สิทธิของในสำคัญแสดงสิทธิ โดยเราคงคำแนะนำ “ถือ” แม้ว่าบริษัทจะย้ายจากตลาด mai สู่ตลาด SET ตั้งแต่เดือน ก.ค. 65 แต่ catalyst ของหุ้นลดลง เนื่องจากผลประกอบการปี 65 หดตัวจากปีก่อน อีกทั้งได้จ่ายหุ้นปันผลไปแล้วในเดือน เม.ย.  

 

ปัจจัยเสี่ยง

i)    การส่งมอบงานล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้
ii)    ปี 65 รายได้และผลประกอบการอ่อนตัวจากปี 64
iii)    การประมูลงานใหม่ล่าช้าและการแพร่ระบาดของ COVID ทำให้ส่งมอบงานล่าช้า