บอร์ด กนง. สายเหยี่ยว สัญญาณดอกเบี้ยขึ้นต่อ!

เดือนที่ผ่านมาใน “แวดวงการเงิน” มีเรื่องที่ถูกพูดถึงในหมู่ “นักเศรษฐศาสตร์” อยู่เรื่องหนึ่ง แม้ไม่ได้เป็นข่าวอะไรที่ใหญ่โตบนหน้าสื่อต่างๆ มากนัก แต่ถือเป็นเรื่องสำคัญในแวดวงการเงินและการกำหนดนโยบายการเงิน นั่นคือ การเปลี่ยนตัวคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

โดยที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือนก่อนหน้านี้มีมติแต่งตั้ง “ไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน” อดีตรองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. เข้าเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด กนง. โดยเป็นการเข้ารับตำแหน่งแทนกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ และจะดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการท่านเดิม คือ จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2566 

สำหรับ “ไพบูลย์” ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องความสามารถ เพราะการที่เสถียรภาพระบบการเงินไทย “เข้มแข็ง” ได้ในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับเขาแบบเต็มๆ โดยไพบูลย์ถือเป็นอดีต “คีย์แมน” คนสำคัญของ ธปท. ที่คอยผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ผ่านการดำเนินนโยบายการเงิน

แน่นอนว่าการที่ “ไพบูลย์” ให้ความสำคัญกับเรื่องเสถียรภาพมากเป็นพิเศษ เขาจึงถูกมองว่าเป็น “สายเหยี่ยว” ไปโดยปริยาย และน่าจะเรียกได้ว่าเป็นเหยี่ยวตัวพ่อของวงการ

ที่น่าสนใจ คือ การเข้ามารับตำแหน่ง “บอร์ด กนง.” ของ “ไพบูลย์” ในครั้งนี้ เป็นการรับไม้ต่อจาก “คณิศ แสงสุพรรณ” ที่ขอลาออกก่อนครบวาระ ซึ่งคนในแวดวงการเงินทราบดีว่า “คณิศ” นับเป็น กนง. สายพิราบ ที่สนับสนุนให้นโยบายการเงินช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจแบบมากๆ จึงมักไม่ชอบภาวะที่ดอกเบี้ยสูงเกินไป

...เท่ากับว่าบอร์ด กนง. ที่ปรับเปลี่ยนในรอบนี้ เราจึงเห็น “พิราบ” บินออกไป ในขณะที่ “เหยี่ยว” เข้ามาแทน คนในแวดวงการเงินจึงพอจะเดาออกว่า ทิศทางของนโยบายการเงินระยะข้างหน้าของแบงก์ชาติไทยจะเหวี่ยงไปอย่างไร

พาไปดูความเห็นของบอร์ด กนง. นัดล่าสุด ที่ประชุมกันไปเมื่อปลายเดือน พ.ค. 2566 สัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากที่ประชุมวันนั้น ชัดเจนว่า กนง. ยังคง “ห่วง” สถานการณ์เงินเฟ้อ แม้ว่าตัวเลขล่าสุดที่บอร์ด กนง. เห็นจะเป็นตัวเลขการเติบโตที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดอย่างชัดเจน แถมนักวิเคราะห์หลายคนประเมินว่า เผลอๆ เราอาจได้เห็น “เงินเฟ้อ” หดตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ความเห็นของบอร์ด กนง. จากการประชุมในวันดังกล่าวกลับไม่ได้มองเช่นนั้น

โดยบอร์ด กนง. ประเมินว่า เงินเฟ้อทั่วไปแม้จะปรับลดลง แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ระดับสูง และในระยะข้างหน้าเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงด้านสูง โดยคาดว่าจะมี “ความหนืด” มากขึ้นกว่าอดีต ที่สำคัญการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการอาจเกิดขึ้นในระยะต่อไป เพราะผู้ประกอบการจะพยายามปรับราคาสินค้าขึ้นตามกำลังซื้อของครัวเรือน 

...ได้ฟังอย่างนี้แล้วแทบจะบอกได้เลยว่าแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะยังอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” ยิ่งมาเห็นรายชื่อ กนง. คนใหม่ที่มาแทนคนเก่าด้วยแล้ว “ฟันธง” ไปได้เลยว่าการประชุม กนง. ในวันนี้ (2 ส.ค.)  บอร์ด กนง. น่าจะมีมติให้ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% อย่างแน่นอน!