'โลจิสติกส์สีเขียว' โอกาสทองของเศรษฐกิจเกิดใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม

ภาคโลจิสติกส์กำลังถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ คาดการณ์มูลค่าตลาดโลกทะลุ 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี พ.ศ. 2571 แต่ก็เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 11% การเติบโตของอีคอมเมิร์ซและการปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนเร่งให้เกิดความต้องการ "โลจิสติกส์สีเขียว"
KEY
POINTS
- ภาคโลจิสติกส์เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ แต่การเติบโตสูงของภาคส่วนนี้ได้สร้างโอกาสให้ "โลจิสติกส์สีเขียว" กลายเป็นทางออกเพื่อสร้างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันให้เศรษฐกิจเกิดใหม่
- แนวทางโลจิสติกส์สีเขียวอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยี 4 ด้านหลัก ได้แก่ เชื้อเพลิงและยานยนต์สีเขียว, โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว, และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยระบบดิจิทัล
- ประเทศไทยในฐานะประตูการค้าของอาเซียนมีศักยภาพสูงในการเปลี่ยนผ่าน โดยภาครัฐและเอกชนได้เริ่มผลักดันผ่านการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางและท่าเรือ
- การขับเคลื่อนให้สำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสร้างกรอบนโยบายที่ชัดเจน การระดมทุนสีเขียว และการยกระดับทักษะบุคลากร
ภาคโลจิสติกส์กำลังถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ คาดการณ์มูลค่าตลาดโลกทะลุ 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี พ.ศ. 2571 แต่ก็เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 11% การเติบโตของอีคอมเมิร์ซและการปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนเร่งให้เกิดความต้องการ "โลจิสติกส์สีเขียว" อย่างเร่งด่วน รายงานชี้ ตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย มีบทเรียนสำคัญและโอกาสในการสร้างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขัน
มูลค่ามหาศาลและความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม
ภาคโลจิสติกส์ซึ่งเป็นหัวใจของการค้าโลกและสนับสนุนงานถึง 10% ของตำแหน่งงานทั่วโลก กำลังเผชิญกับแรงกดดันสามด้าน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้า ความเร่งด่วนด้านสภาพภูมิอากาศ และ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่สมบูรณ์ ข้อเรียกร้องด้านการลดคาร์บอน และแรงกดดันด้านต้นทุน ล้วนเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการค้นหาโซลูชั่นที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น
การขนส่งทางถนนและรางมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากแรงหนุนของการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซ โดยความต้องการคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว หรือเติบโต 2.7 เท่าภายในปี พ.ศ. 2593
โลจิสติกส์สีเขียว ทางออกที่สร้างมูลค่าร่วม
โลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics) ได้กลายเป็นแนวทางที่น่าสนใจ ซึ่งอาศัยนวัตกรรมเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตอบสนองต่อกฎระเบียบและความคาดหวังทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
รายงานล่าสุด Green Logistics Innovation for Emerging Markets: Driving Competitiveness and Shared Value ได้เผยให้เห็นถึงโอกาสที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของโลจิสติกส์ โดยระบุ 15 นวัตกรรมสำคัญทั้งในด้านเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจภายใต้ 4 ธีมหลัก ได้แก่
- การผลิตและการใช้เชื้อเพลิงสีเขียว
- การผลิตและการนำยานยนต์และระบบขับเคลื่อนสีเขียวมาใช้
- การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว
- การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยดิจิทัลและสีเขียว
ไทยในฐานะจุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน
ประเทศไทยในฐานะ ประตูการค้าสำคัญของภูมิภาคอาเซียน มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่โลจิสติกส์สีเขียว การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออก รวมถึงการมีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และการพัฒนาระบบรางและท่าเรือ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการประยุกต์ใช้แนวทางเหล่านี้
ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) หรือศูนย์วิจัยด้านโลจิสติกส์ของมหาวิทยาลัย ได้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐและเอกชนในการผลักดัน "โลจิสติกส์สีเขียว" ผ่าน
- การใช้พลังงานสะอาดในภาคขนส่ง: เช่น การสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) สำหรับการขนส่งสินค้าและการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพอย่างต่อเนื่อง
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงและยั่งยืน: การลงทุนในโครงข่ายรถไฟทางคู่และท่าเรือน้ำลึก เพื่อลดการพึ่งพาการขนส่งทางถนนและลดการปล่อยคาร์บอน
- การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้: การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการซัพพลายเชน การติดตามยานพาหนะ และการวางแผนเส้นทางเพื่อลดระยะเวลาและเชื้อเพลิงที่ใช้
พิมพ์เขียว 4 ขั้นเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่าน
"พิมพ์เขียว" ที่ใช้งานได้จริง 4 ขั้นตอน ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการประสานงานระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- สร้างกรอบนโยบายและกฎระเบียบแบบบูรณาการ: เปลี่ยนยุทธศาสตร์ระดับชาติให้เป็นแผนงานเฉพาะภาคส่วน พร้อมใช้มาตรการจูงใจ เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงในการลงทุนระยะยาว
- ระดมทุนสีเขียว: ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการอุดช่องว่างทางการเงินสำหรับนวัตกรรมโลจิสติกส์สีเขียวในระยะเริ่มต้น เช่น การให้ทุนสนับสนุน หรือการใช้กลไกการเงินแบบผสม (Blended Finance) เพื่อสนับสนุน MSMEs และการสร้างความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
- ยกระดับทักษะบุคลากร: จัดทำหลักสูตรข้ามภาคส่วนที่เน้นการประยุกต์ใช้จริง เพื่อติดอาวุธให้บุคลากรมีความรู้ด้านโลจิสติกส์ดิจิทัลและคาร์บอนต่ำ รวมถึงการสร้างแรงจูงใจให้เกิดพฤติกรรมสีเขียวในการทำงาน
- ส่งเสริมความร่วมมือในระบบนิเวศ: รัฐบาลกำหนดทิศทางและกฎเกณฑ์ ขณะที่ผู้นำอุตสาหกรรมประสานความร่วมมือ กำหนดมาตรฐานร่วม และลงทุนร่วมกันในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เกิดการปรับใช้เทคโนโลยีที่สอดคล้องและการแบ่งปันข้อมูล
การดำเนินการระดับโลกคือสิ่งจำเป็น
การเปลี่ยนผ่านสู่โลจิสติกส์สีเขียวในวงกว้างไม่สามารถทำได้โดยผู้เล่นรายใดรายหนึ่งเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยการประสานงานของทั้งห่วงโซ่คุณค่าไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ กำหนดกฎระเบียบที่สอดคล้องกัน ระดมทุน และส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก หรือ อุตสาหกรรม ผู้ขนส่งและเจ้าของสินค้า สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษาและภาคประชาสังคม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการเติบโตเพื่อความยั่งยืนในอนาคต
ที่ผ่านมาเป็นยุคของการทดลองกำลังจะสิ้นสุดลง และนี่คือ "ช่วงเวลาที่ต้องขยายผล" โลจิสติกส์สีเขียวอย่างจริงจัง ซึ่งจะกำหนดขีดความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนของไทยและภูมิภาคในทศวรรษหน้า
ที่มา : World Economic Forum







