"เอฟทีเอ" ในบริบทที่ต้องตอบโจทย์การค้าใหม่

"เอฟทีเอ" ในบริบทที่ต้องตอบโจทย์การค้าใหม่

ข้อตกลงการค้าเสรีคือ กุญแจสู่การค้าทั้งการเปิดประตูบานใหม่ และการทำให้ประตูบานเก่ากว้างขึ้น แต่เอฟทีเอก็เหมือนเครื่องมืออื่นๆ ที่เมื่อใช้ไปนานๆ เก่าไม่ทันสมัย ต้องปรับปรุงให้รับโจทย์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น

การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน - เกาหลีใต้ ครั้งที่ 39 อาเซียน - จีน ครั้งที่ 44 อาเซียน - ญี่ปุ่น ครั้งที่ 2/28 และอาเซียน - ฮ่องกง ครั้งที่ 11 ณ เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย  เมื่อก.ค. ที่ผ่านมา โดยในส่วนของอาเซียน - เกาหลีใต้ ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - เกาหลีใต้ (AKFTA)และผลการศึกษาร่วมเพื่อยกระดับความตกลง AKFTA ฉบับสมบูรณ์ รวมถึงหารือแนวทางความเป็นไปได้ในการยกระดับความตกลง AKFTA เพื่อให้มีความทันสมัย และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการมากขึ้น และยังได้ติดตามความคืบหน้าการศึกษาวิจัยด้านการค้าดิจิทัล ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน และอนาคต นอกจากนี้ เกาหลีใต้พร้อมสานต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับอาเซียน อาทิ การจัดทำแผนงานนโยบายสตาร์ตอัประหว่างอาเซียนกับเกาหลีใต้

 การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือด้านมาตรฐานอุตสาหกรรม การพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากเกาหลีใต้ที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนานวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรม และสตาร์ตอัปอย่างมาก

 

 

 

 

สำหรับกรอบอาเซียน - จีน ที่ประชุมได้หารือผลการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน (ACFTA)ในประเด็นปัญหาที่เป็นอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม และได้มอบหมายคณะอนุกรรมการฯ เร่งติดตาม และแก้ไขประเด็นปัญหาโดยเร็ว รวมทั้งได้เน้นย้ำให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องเร่งการเจรจายกระดับ ACFTA และจัดกิจกรรมสร้างความรู้ ความเข้าใจในประเด็นสาขาใหม่ๆ อาทิ เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล และการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปี 2567 นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ อาทิ การจัดสัมมนาอาเซียน - จีน เกี่ยวกับกฎหมาย และกฎระเบียบด้านเศรษฐกิจและการค้า และการจัดทำข้อริเริ่มในการขยายความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อาเซียน - จีน โดยตั้งเป้าหมายให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน - จีน เห็นชอบเดือนส.ค.นี้

ส่วนการหารือในกรอบอาเซียน - ญี่ปุ่น ที่ประชุมได้เร่งรัดให้ได้ข้อสรุปข้อริเริ่ม “การออกแบบอนาคตและแผนปฏิบัติการด้านนวัตกรรม และความยั่งยืนของความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น” (ปี 2566 - 2576) โดยเร็ว อาทิ 1)ข้อริเริ่มเศรษฐกิจหมุนเวียนระหว่างอาเซียน - ญี่ปุ่น 2) การนำไปสู่การเป็นห่วงโซ่อุปทานดิจิทัล 3) การร่วมสร้างสรรค์แก้ปัญหาความท้าทายทางสังคมกับภาคธุรกิจ และ 4) การจัดประชุมเครือข่ายระหว่างผู้นำทางธุรกิจรุ่นใหม่และนักธุรกิจ Z - gen จากอาเซียน และญี่ปุ่น โดยจะเสนอที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น (AEM - METI Consultations) ครั้งที่ 29 ให้การเห็นชอบ ในวันที่ 22 ส.ค. 2566 ณ เมืองเซมารัง อินโดนีเซีย ก่อนเสนอที่ประชุมสุดยอดอาเซียน - ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เดือนธ.ค.2566 ณ กรุงโตเกียว เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี

 

 

 

ความสัมพันธ์อาเซียน - ญี่ปุ่น นอกจากนี้ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA)จะเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เดือนก.ย. 2566 ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มสําหรับภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการและองค์กรต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

สำหรับกรอบอาเซียน - ฮ่องกง ที่ประชุมรับทราบว่าอาเซียน และฮ่องกงสามารถเจรจากฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs)ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - ฮ่องกง (AHKFTA)ได้ครบ 557 รายการแล้ว ซึ่งการใช้ PSRs เป็นการกำหนดเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าที่สะท้อนกระบวนการผลิตที่แท้จริงของสินค้านั้นๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกสามารถผ่านเกณฑ์ได้ง่ายขึ้น และจะช่วยส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าระหว่างกัน สำหรับแผนงานภายใต้ความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน - ฮ่องกง (AHKIA)ล่าสุดสามารถหาข้อสรุปสาขาที่จะเปิดเสรีด้านการลงทุนระหว่างกันอย่างมีนัยสำคัญแล้ว โดยตั้งเป้าหมายที่จะประกาศความสำเร็จในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน - ฮ่องกง เดือนส.ค.นี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เร่งรัดสองฝ่ายหาข้อสรุปประเด็นอื่นๆ ที่อยู่ในแผนงานของความตกลง AHKIA อาทิ การกำหนดคำนิยามบุคคลธรรมดาของสมาชิก และแนวทางการระงับข้อพิพาทด้านการลงทุนระหว่างนักลงทุนกับรัฐ เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากความตกลงด้านการลงทุนอย่างเต็มประสิทธิภาพ

การพบกันระหว่างสมาชิกอาเซียนแม้จะมีความเห็นต่างในหลายๆ เรื่องแต่การหารือเรื่องเอฟทีเอก็ไปในทิศทางเดียวกันคือ ต้องเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาการค้าและการลงทุนที่ดีร่วมกัน 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์