เริ่มชีวิตใหม่ นับหนึ่งได้ แค่ 'ใจ' เราถึง

เริ่มชีวิตใหม่ นับหนึ่งได้ แค่ 'ใจ' เราถึง

หลายชีวิตที่อาจดูเหมือนไร้ทางออก เพราะติดกับดักอยู่ในวังวน "สารเสพติด" เพราะบางคนอาจถอดใจไม่เชื่อว่า คนเราจะเปลี่ยนแปลงได้ หรือชีวิตเริ่มต้นนับหนึ่งได้เสมอ

ในช่วง วันต่อต้านยาเสพติดโลก เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงนัดแนะเหล่านักสู้ใจที่เคยก้าวพลาด มาบอกเล่าเรื่องราวผ่านเสวนา "บทเรียนชุมชน-คนชนะใจ สู้ภัยยาเสพติด" เนื่องใน วันต่อต้านยาเสพติดโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ของทุกปี

มาสำรวจเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ จากเส้นทางชีวิตที่พลิกผันของผู้ที่เคยคลุกคลีกับยาเสพติด ที่วันนี้พวกเขาได้กลับตัวกลับใจกลายเป็นต้นแบบสังคม สะท้อนถึงคำที่ว่า "พลังของการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้จริง"

หากเพียงเราทุกคนในสังคมเต็มใจที่จะมอบโอกาส ช่วยให้หลายคนค้นพบคุณค่าในตนเองและกลับมาเป็นพลเมืองคุณภาพในสังคมได้อีกครั้ง

จากนักเสพ สู่ชีวิตใหม่ ของ "นักวิ่งสายแชมป์"

"ทุกคนรู้ว่าไม่ดี แต่ช่วงวัยรุ่นเราอยากเท่ อยากลองตามเพื่อนๆ" เสียงถ่ายทอดจาก บังยี - อัสรี พิกุลจร เยาวชนนักวิ่งเพื่อสุขภาพและฟื้นฟูตัวเอง จังหวัดปัตตานี ที่มาเปิดเรื่องราวย้อนอดีตครั้งที่ชีวิตของเขาเคยเป็นทาสเสพติดในช่วงวัยรุ่น

เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่บุหรี่ ต่อมาน้ำท่อม มาถึงยาบ้า ส่วนหนึ่งเพราะเป็นสารเสพติดที่แพร่หลายในชุมชน เขาเสพอย่างหนักถึงขนาดเป็นโรคไตเสื่อมทั้งที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม

เริ่มชีวิตใหม่ นับหนึ่งได้ แค่ 'ใจ' เราถึง

อดีตเด็กเรียนเก่งของห้อง นักกิจกรรมดีเด่น เป็นทั้งนักกีฬา นักดนตรี แต่ด้วยความอยากรู้อยากลอง ทำให้เขาเริ่มสูบบุหรี่ ลองยาเสพติด 4 x100 ทดลองกัญชาตั้งแต่ชั้นม. 4 จนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ติดเพื่อน ขาดเรียนบ่อยจนต้องออกจากมหาวิทยาลัย พอออกมาทำงานเจอเพื่อน ก็เริ่มกลับเข้าสู่วงจรการเสพหนักขึ้นอีก และเริ่มเสพยาบ้า ที่บ้านส่งไปบำบัดที่โรงเรียนปอเนาะ จังหวัดกระบี่ แต่ก็กลับเข้าวงจรเสพเหมือนเดิม 

"ความเปลี่ยนแปลงเกิดจากเราไปตรวจสุขภาพ ตอนนั้นพ่อเสีย เราเริ่มเล่นหนักแล้ว หมอบอกว่าไตเราเสื่อมระยะสอง ตอนแรกก็คิดว่าเราไม่รอด แต่กลับมาบ้านเจอแม่ เขากินคลีนดูแลสุขภาพดี เราเลยทดลองทำตามแม่ พยายามฟื้นฟูไต อีกสามเดือนกลับไปหมอบอกค่าไตดีขึ้น เลยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพ" อัสรี กล่าว

"เริ่มออกกำลังกาย เวทเทรนนิ่ง เริ่มหันมาวิ่ง"

การวิ่งเพื่อสุขภาพนี้เองกลับทำให้ค้นพบพรสวรรค์ตัวเองในเรื่องวิ่ง บังยีลงแข่งในงานวิ่งเป็นประจำ ในที่สุดได้อันดับที่ 4 ในงานยะลามาราธอนประเภท 10 กิโล จากนั้นยังได้ที่ 1 จากการแข่งขันวิ่งเทรลที่นราธิวาส ประเภท over all ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึงปีแต่สามารถเปลี่ยนชีวิตเขาได้แบบพลิกฝ่ามือ

"ตนคิดว่าเราเองเปลี่ยนเองคงยาก แต่มีคนรอบข้าง และมีแม่ให้กำลังใจว่าเราทำได้ ทำให้เราไม่ท้อ ทำมาได้ตลอด"

เริ่มชีวิตใหม่ นับหนึ่งได้ แค่ 'ใจ' เราถึง

อัสรี เผยความในใจเวลานั้นว่า เราเคยเป็นคนที่น่าเชื่อถือ แต่วัยทำงานไปเล่นหนัก ช่วงนั้นคุยกับใครก็ไม่มีใครอยากสุงสิง แต่มีแม่คอยให้กำลังใจเราตลอด อีกคนคือแฟน ตอนแรกที่จะเลิกเราหักดิบเลือกขังตัวเองในห้อง คิดว่าถ้าไม่ไหวก็จะล่ามโซ่ตัวเอง แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด เพื่อนบ้านคนรู้จักหลายคนก็คิดไม่ถึงว่าคนติดยาอย่างเราจะเลิกแล้วกลายเป็นนักวิ่งได้ พอเริ่มดูแลสุขภาพได้จึงค้นพบว่าความสุขแท้จริงยั่งยืนคือสุขภาพดี ร่างกายดี กินอิ่ม นอนหลับ และอีกคนที่ตนรู้สึกขอบคุณมากคือผู้ใหญ่บ้านของตน เขาเป็นยิ่งกว่าผู้ใหญ่บ้าน ให้กำลังใจ เขาบอกว่าพวกเรายังมีดีอยู่ในตัว อย่าเพิ่งเลิกท้อใจ ขอให้เชื่อมั่นในตัวเราเอง

จากชีวิตที่เคยดำดิ่ง สู่ "อิสรภาพ"

เริ่มต้นจาก "ความอยากลอง" "อ๊อฟ จักรพงษ์" ตัวตึงแห่งชุมชนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม ทำให้เขาต้องเสียเวลาถึง 20 ปี

อ๊อฟ เล่าว่า เขาเข้าสู่โลกของยาเสพติดด้วยตัวเองตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี สาเหตุไม่ใช่เพราะใครชวน แต่เป็นเพียงแค่อยากลองเท่านั้น ซึ่งวันนี้สามารถลาขาด และล้างมือจากวงการได้แบบหมดจด เพราะแพ้ใจประธานชุมชนของตัวเอง

อดีตพี่ใหญ่ที่เคยผ่านประสบการณ์ทั้งเป็นสายเสพและสายค้า เล่าว่า จุดเปลี่ยนนั้นคือความรักจากครอบครัวและโอกาสจากชุมชน ที่ผ่านมาเขายอมรับว่ามีหลายครั้งที่รู้สึกเครียดกังวล เพราะต้องเผชิญหน้ากับการล้อมจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายครั้ง แม้สามารถหลบหนีมาได้ทุกครั้ง แต่สุดท้ายตระหนักในใจดีว่าสักวันถ้าไม่เลิกก็โดน

อีกแรงบันดาลใจสำคัญคือ ลูกสาวที่กำลังเติบโต และการได้รับโอกาสจากชุมชน ทำให้อ๊อฟตัดสินใจหันหลังให้กับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ประธานชุมชนมีบทบาทอย่างมาก เขาให้โอกาสตนหลายครั้งมาก ไม่เคยกลัวตนจะทำร้ายเขา ก็พยายามมาพูดคุยชวนเราให้เลิก เผอิญช่วงนั้นเราก็คิดด้วยว่าหากยังทำต่อไปอาจโดนกวาดล้างและโดนจับในที่สุดถ้าไม่เลิก ซึ่งพอเราเลิกเขาก็ยังช่วยเหลือเราตลอด มีแนะนำงานมาให้

เริ่มชีวิตใหม่ นับหนึ่งได้ แค่ 'ใจ' เราถึง

สิ่งที่น่าทึ่งคือเขาเลือกที่จะใจเด็ดหักดิบ เขาบอกว่าถ้าตั้งใจจริงว่าจะเลิกก็เลิกเลย เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้

หลังจากการเลิกยา ร่างกายและจิตใจของอ๊อฟก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกได้ว่าสุขภาพแข็งแรงกว่าเดิมมาก จิตใจก็สบายขึ้น ที่สำคัญคือความรู้สึกที่เป็นอิสระ

"เมื่อก่อนเราต้องคอยระแวงว่ามีคนมองตลอดเวลา แต่วันนี้จะไปไหนมาไหนก็ได้ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องระแวงอีกต่อไป" อ๊อฟ กล่าว

ปัจจุบัน "อ๊อฟ" มีงานการเป็นหลักแหล่ง และภูมิใจที่สุดที่ตัวเองสามารถผ่านพ้นออกจากวังวนมาได้ในวันนี้
เขาเน้นย้ำว่า ถ้าสังคมให้โอกาสจะมีส่วนอย่างมากที่จะทำให้ผู้ติดยามีกำลังใจเลิกได้สำเร็จ สำหรับผู้ที่กำลังพยายามเลิก อ๊อฟทิ้งท้ายด้วยความคิดที่น่าสนใจว่า ทุกอย่างอยู่ที่ใจคือกุญแจสำคัญในการก้าวข้ามอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

"ชีวิตสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ให้มองถึงคนที่เรารักเป็นแรงผลักดัน ส่วนคนในชุมชนอย่าไปรังเกียจหรือกลัวเขา ถ้าเรายื่นโอกาสดีๆ ให้เขา เขาอาจรับโอกาสนี้ก็ได้"

เริ่มชีวิตใหม่ นับหนึ่งได้ แค่ 'ใจ' เราถึง

บทเรียนชีวิตสร้างพลังใจ

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากงานวิจัยประมาณการนั้น จำนวนประชากรผู้ใช้สารเสพติดของประเทศไทย ปี 2568 โดยศูนย์วิทยาการสารเสพติด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล พบคนไทยใช้กระท่อม 1.9 ล้านคน ใช้สารเสพติด 1.6 ล้านคน ใช้กัญชา 1.5 ล้านคน ใช้ยาบ้า 1.5 ล้านคน มีผู้ที่ควรเข้ารับการบำบัด 330,000 คน และมีปัญหาสุขภาพจิต 220,000 คน ที่น่าห่วงข้อมูลในปี 2567 พบมีผู้ใช้สารผสม 21,000 คน เป็นกลุ่มใหม่ที่มีความเสี่ยงสูงที่ต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะเจาะจง เพราะมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่รุนแรง และยากต่อการจัดการผลกระทบจากสารเสพติดหลายชนิดที่ทำปฏิกิริยาต่อกัน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ สสส. ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของคนตัวเล็กๆ ที่มีความพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อคนอื่นและสังคมให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด การลุกขึ้นสู้ของชุมชน โดยมีองค์กรภาคีเครือข่ายเป็นกลไกเชื่อมประสานให้คนที่เคยก้าวพลาดผิดให้ลุกขึ้นมาสื่อสารกับสังคมไทย

เริ่มชีวิตใหม่ นับหนึ่งได้ แค่ 'ใจ' เราถึง

"เป็นการส่งต่อพลังและแบ่งปันบทเรียนชีวิตสร้างความเข้าใจ กระตุ้นสังคมให้ร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ เพื่อนำไปสู่ครอบครัวและสังคมที่ปลอดภัย และสร้างพื้นที่แห่งโอกาสที่ยอมรับ" ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

เพราะชีวิตสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ หากได้รับโอกาสและมีความตั้งใจจริง

เริ่มชีวิตใหม่ นับหนึ่งได้ แค่ 'ใจ' เราถึง