'ไลท์ซอร์ส กรุ๊ป' ชูความเป็น 'ผู้นำ' ด้านอุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร

"ไลท์ซอร์ส กรุ๊ป" ชูความเป็น "ผู้นำ" ด้านอุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร เสริมสร้างความน่าเชื่อถือ มาตรฐาน และเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
จากกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยของผู้ก่อตั้ง "กลุ่มนักศึกษาวิศวกรรม" จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่ได้รวมตัวกันด้วยความหลงใหลในแสงสีเสียงของดนตรีและคอนเสิร์ต ก่อตั้งบริษัทภายใต้ชื่อ "LS&A" (Light Sound and Audio) ในปี 2526 ด้วยอุปกรณ์สุดแสนจะเรียบง่าย แต่กลับเห็นโอกาสสร้างรายได้ ! ที่ในยุคสมัยนั้นยังไม่มีระบบที่ซับซ้อน อุปกรณ์แรกเริ่มคือ โคมไฟพาร์ดัดแปลงจากกระป๋องนม และบอร์ดควบคุมแสงที่ประกอบเอง
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ จนปัจจุบันก้าวสู่การเป็น "ผู้นำ" ในวงการ "ระบบแสงในงานแสดงระดับประเทศ" ของ บริษัท ไลท์ซอร์ส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LSG ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการระบบแสงครบวงจร สำหรับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมการแสดงและความบันเทิงประเภทต่างๆ
โดย LSG เติบโตเคียงคู่มากับ "อุตสาหกรรมบันเทิงไทย" โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ปรากฏการณ์ทางดนตรีมากมาย ตั้งแต่รายการโทรทัศน์ยอดนิยมอย่าง "โลกดนตรี" และ "7 สีคอนเสิร์ต" ไปจนถึงคอนเสิร์ตใหญ่ของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ อย่าง GMM Grammy และ RS ที่ต้องใช้อุปกรณ์ระบบแสงเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้ผู้ชมในทุกๆ พื้นที่
ธันฐภัทร์ ชมภูผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LSG ให้สัมภาษณ์พิเศษ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า LSG กำลังจะเติบโตไปอีกขั้น หลังกำลังเตรียม IPO หรือ "ขายหุ้น" ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หลังมานั่งในตำแหน่ง "ซีอีโอ" ตรงนี้เห็นชัดๆ ว่า ธุรกิจ LSG ยังมีช่องทางการเติบโตอีกมาก สอดรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนคือ
- ลงทุนทรัพย์สินที่ทันสมัยที่ใช้กับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน
- ลงทุนเพื่อการขยายและส่งเสริมธุรกิจที่เติบโตสูงของกลุ่มบริษัท
- ลงทุนในการพัฒนาระบบและบุคลากรภายในองค์กร
- การใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานทั่วไป
ฉะนั้น ภารกิจแรกที่ต้องทำ นั่นคือ อยากผลักดันนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อ "ต่อยอดธุรกิจ" ให้มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดดในอนาคต ซึ่งแผนการระดมทุนคือ "ธงผืนใหญ่"
การนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น จะไม่ได้ประโยชน์เพียงแค่มีช่องทางการหาเงินทุนมากขึ้น แต่จะได้เรื่องของความเชื่อมั่นในองค์กร และความน่าเชื่อถือของระบบการทำงานแบบเต็มๆ พร้อมกับมาตรฐานบริการของบริษัทจะถูกยกระดับขึ้นทันทีเพื่อตอบสนองเงินทุนที่ได้รับมา ที่สำคัญยังสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้บริษัทเป็นผู้จัดงานให้เพิ่มอีกด้วย ด้วย "จุดเด่น" ที่ทำให้ LSG โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งคือ การให้ความสำคัญกับด้าน "วิศวกรรม" (Engineering Base) ด้วยการเน้นย้ำการคิดในเชิงระบบ การสร้างสรรค์งานที่ปลอดภัย สอดคล้องความต้องการของลูกค้า และมีมาตรฐาน คือ "หัวใจสำคัญ" ที่ดึงดูดทั้งลูกค้าในประเทศ และต่างประเทศ
นอกจากนี้ "บริการและคุณภาพอุปกรณ์ที่ทันสมัย" บุคลากรที่มีทักษะ และการส่งมอบงานตรงเวลา ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ LSG ได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง หรือโรคระบาดต่างๆ ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา LSG ยังคงเติบโตอย่าง "มั่นคง" จากรายได้หลัก "สิบล้านบาท" สู่ "ร้อยล้านบาท" ด้วยความเชื่อมั่นว่าความต้องการความบันเทิงของมนุษย์จะไม่มีวันหมดไป
สะท้อนผ่านผลประกอบการของ LSG มี "รายได้รวม" ในปี 2565-2567 เท่ากับ 164.01 ล้านบาท 359.73 ล้านบาท และ 378.97 ล้านบาท และมี "กำไรสุทธิ" เท่ากับ 28.95 ล้านบาท 79.91 ล้านบาทและ 67.46 ล้านบาท ตามลำดับ และจ่ายปันผลไปมากกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
ธันฐภัทร์ กล่าวต่อว่า หลังวิกฤตโควิด-19 LSG ได้เริ่มกระบวนการ "Transformation" ปรับตัวเข้าสู่ Hybrid และ Online Event มากขึ้น ปัจจุบัน โครงสร้างรายได้หลักของ LSG มาจาก 3 ส่วน ได้แก่ การให้เช่าและติดตั้งระบบแสงสำหรับงานอีเวนต์และคอนเสิร์ต สัดส่วน 60-70% งานบริหารจัดการโปรดักชัน (Production Management) และการจัดงานต่างๆ สัดส่วน 20% และ การจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบแสง สัดส่วน 10% นอกจากนี้บริษัทเป็นผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายอุปกรณ์ระบบแสงชั้นนำระดับโลก เช่น Robe, Swisson ACME และอื่นๆ มากมาย
ทั้งนี้ LSG ไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้ กำลังต่อยอดจากธุรกิจเพื่อให้บริการแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งระบบแสง เสียง และภาพ ไปจนถึงการเป็นคู่คิดคู่ค้าร่วมสรรสร้างกับลูกค้าในการจัดงานให้ยิ่งใหญ่และมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายหลังเข้าตลาดหุ้น LSGเตรียมขยายฐานลูกค้าสู่ “กลุ่มหน่วยงานราชการและองค์กรท้องถิ่น” สอดรับกับนโยบาย Soft Power ของภาครัฐ แม้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากภาครัฐจะยังไม่ถึง 10% แต่บริษัทตั้งเป้าจะขยายให้ถึง 10% ภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมมอง “โอกาสในตลาดใหม่” อย่างเช่น "Virtual Concert" ที่จะสร้างแพลตฟอร์มสำหรับศิลปินหน้าใหม่ในโลกเสมือน นอกเหนือจากฐานลูกค้าปัจจุบัน ซึ่งคือภาคเอกชนรายใหญ่ ทั้งผู้จัดคอนเสิร์ตระดับโลกอย่าง Live Nation Tero และเหล่าออแกไนเซอร์ชั้นนำของประเทศ
ท้ายสุด "ธันฐภัทร์" ฝากไว้ว่า ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ทีมงานที่มีความเชียวชาญ และอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ซึ่ง LSG มั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน และรวดเร็ว ดังนั้น การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ มาตรฐาน และเปิดโอกาสใหม่ๆ โดยเฉพาะจากนักลงทุนและคู่ค้าต่างชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ LSG ในการเป็นผู้นำเบื้องหลังแสงสีเสียงที่สร้างสรรค์ความสุขและความบันเทิงให้กับผู้คนต่อไป







