ธาตุแท้ "ทักษิณ" ขวาประชานิยม ปฏิปักษ์ "ธนาธร-ปิยบุตร" ส้มซ้ายจัด
คอลัมน์ : มังกรซ่อนพยัคฆ์ โดย ประชา บูรพาวิถี .. ธาตุแท้ "ทักษิณ" ขวาประชานิยม ปฏิปักษ์ "ธนาธร-ปิยบุตร" ส้มซ้ายจัด
สงครามความคิด "ทักษิณ" สอนสามนิ้ว เด็กไม่รู้ไม่เข้าใจ ปฏิรูปสถาบันไม่ใช่คำตอบ ติ่งส้มติ่งแดงเปิดศึกวิวาทะ "ประชาธิปไตยที่กินได้" กับ "การถอดรื้อโครงสร้าง"
ไม่ใช่ปากพาจน "ทักษิณ" จงใจส่งสัญญาณปรองดอง ร่างรัฐธรรมนูญใหม่หลังเลือกตั้งสมัยหน้า ชั่วโมงนี้ พรรคเพื่อไทยยืนอยู่คนละฝั่งกับพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้าของธนาธร-ปิยบุตร
สมรภูมิกรุงเทพฯ ,ภาคกลาง, ภาคเหนือ และภาคอีสาน จะเป็นการต่อสู้อย่างเข้มข้นของเพื่อไทยและก้าวไกล ไม่เพียงแต่ตัดคะแนนกันเอง หากยังเลยไปถึงการตั้งรัฐบาลอภิมหาดีล ที่ไม่มีสีส้มมาเจือปน
อันสืบเนื่องจากรายการ CARE Talk x CARE ClubHouse เมื่อคืนวันอังคารที่ 12 เม.ย.2565 โทนี่ วู้ดซั่ม หรือทักษิณ ชินวัตร แอบสั่งสอนเด็กสามนิ้วเรื่องข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ และเปิดเผยแนวคิดอุดมการณ์ "..ผมนิยม Evolution (วิวัฒนาการ) มากกว่า Revolution (การปฏิวัติ)"
ถัดมา วันที่ 13 เม.ย.2565 ปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์เฟซบุ๊คหัวข้อสำรวจปัญญาชนปฏิวัติ ในช่วง 1848-1945 โดยอ้างอิง Révolution หนังสือเล่มใหม่ของ Enzo Traverso ว่าด้วยประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาของการปฏิวัติ
ฝ่ายแม่ยกเพื่อไทยเหมือนจะรู้ทันปิยบุตร ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ค Peemai Newyear โพสต์ว่า "พี่โทนี่บอกว่าชอบ Evolution (วิวัฒนาการ) มากกว่า Revolution (ปฏิวัติ) พูดถึงทั้งโลก...แต่อดีตนักการเมือง/นักวิชาการ/ผู้นำจิตวิญญาณหัวก้าวหน้าของไทย ซึ่งเป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่อย่าง อ.ปิยบุตร กลับบอกว่ากำลังจะเขียนหนังสือเล่มใหม่ พาย้อนไปหาความหมายของ Revolution ในปี 1989"
สรุปง่ายๆ ติ่งแดงชอบ Evolution แต่ติ่งส้มผสมสามนิ้วเลือก Revolution สำหรับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในสังคมไทย
ไม่น่าแปลกใจ หลังแคร์คลับเฮาส์จบลง พร้อมคำพูดที่ว่า "เด็กไม่รู้ไม่เข้าใจ โทษแต่สถาบัน" อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล หรือ เจี๊ยบ แดงสยาม ในอดีต ได้โพสต์เฟซบุ๊คด้วยวลีแสบสันต์ว่า "เอ้า..กราบ"ตามด้วยอีกสเตตัสว่า "ไม่ถูกต้องหรอก ที่ออกมาด้อยค่าคนที่เค้ากล้าออกมาสู้"
'โตกับวัฒนธรรมอุปถัมภ์'
ปฏิกิริยากรณี "ทักษิณ" พูดในแคร์คลับเฮาส์ เรื่องเด็กไม่รู้ไม่เข้าใจเกี่ยวกับสถาบัน กองเชียร์เพื่อไทย ไม่มีข้อสงสัย ส่วนนักวิชาการปีกประชาธิปไตยเข้าใจและไม่คาดหวังกับทักษิณเรื่องทะลุเพดานอยู่แล้ว แต่กลับสงสัยว่า พูดทำไม พูดเพื่ออะไร หรือเตรียมจะเปิดดีลอะไรอีกหรือเปล่า
"ทักษิณ" ซึมซับการเมืองไทย มาตั้งแต่บิดา-เลิศ ชินวัตร เจ้าของกิจการร้านผ้าไหม สันกำแพง เล่นการเมืองท้องถิ่น ร่วมกับเจ้าชัยสุริยวงศ์ ณ เชียงใหม่, ไกรสีห์ นิมมานเหมินทร์ และปรีดา พัฒนถาบุตร ตั้งกลุ่มเชียงใหม่ก้าวหน้า ได้เป็นสมาชิกสภาจังหวัดเชียงใหม่ และประธานสภาจังหวัดเชียงใหม่
ปี 2512 เลิศ ชินวัตร ลงสมัครรับเลือกตั้งสนามใหญ่ในนามอิสระ ได้เป็น ส.ส.เชียงใหม่ และเข้าร่วมกับกลุ่ม ส.ส.อิสระ ที่มีประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ เป็นหัวหน้ากลุ่ม
ตระกูลชินวัตร เป็นกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ยกระดับขึ้นเป็นกลุ่มการเมืองภูธรเครือข่ายเจ้านายฝ่ายเหนือ และคหบดีใหญ่ ดังนั้น ในแคร์คลับเฮาส์ ทักษิณจึงเล่าเรื่องความประทับใจในอดีต
"ผมเคยเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ (รัชกาลที่ 10) ตั้งแต่ท่านมีพระชนมายุประมาณ 8-9 ชันษา ท่านตามเสด็จรัชกาลที่ 9 ไปสันกำแพง ไปร้านผ้าไหมผมนี่แหละ ท่านทรงสูท แต่ขาสั้น เพราะยังทรงพระเยาว์ ผมเคยเห็นท่านตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็มีความรู้สึกว่าผมเป็นคนไทย เป็นคนที่มี loyalty (ความจงรักภักดี) ต่อสถาบัน.."
ทักษิณ เคยพูดในคลับเฮาส์หลายหน ประเด็นความจงรักภักดี และการเติบโตในวัฒนธรรมการเมืองแบบไทย
'ชูประชาธิปไตยที่กินได้'
ปี 2544 "ทักษิณ" นำพรรคไทยรักไทย สู่สมรภูมิเลือกตั้ง ภายใต้กติกาใหม่ในรัฐธรรมนูญ 2540 ทีมงานพรรคไทยรักไทย ใช้นโยบายประชานิยมเพื่อดึงคะแนนเสียงจากคนชนบท แทนที่จะอาศัยการแจกสิ่งของเงินทองผ่านระบบอุปถัมภ์แบบเดิม
นโยบายประชานิยม และผลงานด้านเศรษฐกิจนับเป็นจุดขายจุดแข็งของรัฐบาลของพรรคไทยรักไทยสมัยนั้น เอ็นจีโอบางกลุ่มเรียกประชานิยมฉบับทักษิณว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้
ทักษิณจึงพูดในแคร์คลับเฮาส์ว่า "วันนี้ บ้านเมืองแย่เพราะว่าการบริหารที่ล้มเหลว เพราะรัฐบาลเกิดจากรัฐธรรมนูญที่แย่ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่แย่มาก...เด็กรุ่นใหม่ก็สงสัยว่าอนาคตเขาอยู่ตรงไหน เศรษฐกิจก็ล้มเหลว เด็กไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็คิดว่าต้องปฏิรูปสถาบัน.."
ทักษิณได้แนะนำว่า ให้ปฏิรูประบอบประชาธิปไตย โดยการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และยกตัวอย่างรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีมาก
"เราได้รัฐบาลที่มาจากที่มาที่ไม่ดี แล้วยังไม่เก่ง มีการทุจริต ตามโลกไม่ทัน ทำให้เด็กไม่มีอนาคต เด็กก็เลยไปโทษว่าเกี่ยวกับสถาบัน ความจริงไม่เกี่ยว"
ทักษิณย้ำหลายหนในคืนนั้น เหตุเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น เหตุเกิดจากรัฐธรรมนูญที่ไม่ดี ก็ต้องร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
"สถาบันต้องปรับตัวตามกาลเวลา ตามความคาดหวังของประชาชนอยู่แล้ว ทุกประเทศทั่วโลกต้องปรับตัวอยู่แล้ว ผมนิยม evolution (วิวัฒนาการ) มากกว่า revolution (การปฏิวัติ) .."
'ท้าชนระบอบปรสิต'
ถ้ามีการเลือกตั้งสมัยหน้า จะไม่ใช่แค่การแข่งขันระหว่างพรรคการเมือง 2 ขั้วคือ ฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการเท่านั้น มันยังจะเป็นการต่อสู้ 2 ความคิด 2 แนวทาง ระหว่างพรรคขวา-กลางแบบเพื่อไทย กับพรรคซ้ายใหม่อย่างก้าวไกล
วันนี้ พรรคเพื่อไทย เน้นเรื่องแก้เศรษฐกิจ แก้รัฐธรรมนูญ ไม่ต่างจากพรรคขวา-กลางในยุโรป ตรงข้ามกับพรรคก้าวไกล ที่ลุกขึ้นมาท้าชนระบอบปรสิต เพราะระบอบนี้เป็นต้นเหตุของความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น คนไม่เท่ากัน
ต้นปี 2561 ปิยบุตร แสงกนกกุล จับมือธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้พูดถึงการแก้ไข ม.112 จึงทำให้สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการที่ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศสวิจารณ์อย่างรุนแรง
หลังยุบพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร สารภาพว่า "สมัยผมเริ่มก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ผมยอมกลืนเลือดตัดสินใจขัดแย้งกับมโนธรรมสำนึกของผมอย่างสิ้นเชิงมาแล้ว ด้วยการประกาศว่า ไม่มีนโยบายแก้ 112 ทั้งนี้ก็เพื่อขจัดอุปสรรคขัดขวาง ให้พรรคก่อตั้งได้ ให้พรรคได้ไปต่อ.."
นี่คือตราบาปฝังในจิตใจและเป็นแผลเป็นในชีวิตทางการเมืองของเขา
"ปิยบุตร-ธนาธร" ส่งไม้ต่อให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งอดีตผู้ก่อการอนาคตใหม่ก็ไม่ผิดหวัง ที่ชาวก้าวไกลไปไกลกว่าที่คาดไว้
พลพรรคเครื่องจักรสีส้ม ไม่ได้อำพรางจุดยืนเรื่องปฏิรูปสถาบัน ดังที่ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เตรียมการจะยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 มาแต่ต้นปี 2564
วันที่ประชุมใหญ่ของพรรคก้าวไกล ที่ขอนแก่น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า "..ต้องใช้วิถีก้าวไกล ที่พร้อมสู้กับปัญหาทั้ง 3 ระดับ จัดการกับเสือนอนกินที่เป็นระบอบปรสิตกัดกินประเทศไทย รัฐราชการรวมศูนย์ที่กดทับทุกปัญหา"
พลันที่ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ประกาศเลือกตั้งครั้งหน้า ก้าวไกลจะได้ ส.ส. 15 ที่นั่ง ในภาคอีสาน สงครามติ่งแดงติ่งส้มก็ระเบิดในโซเชียล ลามมาจนถึงกรณีทักษิณด้อยค่าสามนิ้ว
ประเมินว่า สมรภูมิกรุงเทพฯ ,ภาคกลาง, ภาคเหนือ และภาคอีสาน จะเป็นการต่อสู้อย่างเข้มข้นของเพื่อไทยและก้าวไกล ไม่เพียงแต่ตัดคะแนนกันเอง หากยังเลยไปถึงการตั้งรัฐบาลอภิมหาดีล ที่ไม่มีสีส้มมาเจือปน