อย่าชวนผู้หลักผู้ใหญ่ ตีกอล์ฟที่เมืองจีน!
ใครมีเพื่อนคนจีนที่เป็นข้าราชการหรือนักธุรกิจระดับสูง ระวังอย่าชวนตีกอล์ฟที่เมืองจีน เพราะท่านผู้นำไม่ชอบ
เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่อาจจะเอื้อต่อความสัมพันธ์ผิดปกติ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับพ่อค้า อันอาจนำไปสู่เรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ
ดังนั้นถ้าหากมีผู้ใหญ่จากเมืองจีนมาไทยมากขึ้น ช่วงนี้เพื่อมาตีกอล์ฟไกลหูไกลตาประธานาธิบดีสีจิ้นผิง หน่อย ก็อย่าได้แปลกใจ
เพราะ “กฎเหล็ก 8 ข้อ” ของท่านผู้นำจีนมีรายละเอียดห้ามกิจกรรม สำหรับเจ้าหน้าที่พรรคและรัฐบาลเพื่อรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกินเลี้ยงหรูหราหรือการให้ของขวัญราคาแพงหรือการกระทำใด ๆ ที่อาจจะตีความได้ว่าเป็นการให้สินบน
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ประกาศจับทั้งปลาตัวเล็กตัวใหญ่ไม่ไว้หน้าด้วยคำขวัญที่ว่า “จะจับทั้งเสือและแมลงวัน” ซึ่งแปลว่าไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน ถ้าทำผิดเรื่องนี้มีอันต้องโดนจับขึ้นศาลติดคุกหัวโต
ล่าสุดคนที่เคยอยู่ในกรมการเมืองอย่าง “โจวหย่งคัง” ก็ยังโดนข้อหาทุจริต ถูกฟ้องศาลและเริ่มมีการไต่สวนอย่างเปิดเผย สื่อมวลชนจีนรายงานเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและมีรายละเอียดถี่ยิบ
ปราบคนโกงในบ้านไม่พอ ท่านผู้นำส่งสารไปถึงรัฐบาลทั่วโลก ให้รายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐหลายร้อยคนที่อยู่ในข่ายถูกสอบสวนคอร์รัปชัน ขอให้ส่งตัวกลับให้จีน ไม่ว่าจะมีสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนกับจีนหรือไม่ เพราะปักกิ่งต้องการพิสูจน์ว่าการกวาดล้างคนฉ้อฉลต้องเป็นเรื่องที่ทุกประเทศร่วมมือกันอย่างไม่มีเงื่อนไข
วันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ทางการจีนประกาศปิดสนามกอล์ฟ 66 แห่งที่ “ผิดกฎหมาย” ด้วยเหตุผลว่ารัฐบาลมีนโยบายไม่ให้สร้างสนามกอล์ฟเพิ่มโดยไม่จำเป็น แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะไม่ใส่ใจคำสั่งนี้นัก
สนามกอล์ฟ 66 แห่งนี้เท่ากับ 10% ของสนามกอล์ฟทั่วประเทศจีนทีเดียว ตอกย้ำว่ารัฐบาลเอาจริงแล้ว
หากว่าตามคำประกาศของทางการแล้ว การสร้างสนามกอล์ฟใหม่ในจีนถูกสั่งห้ามตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีการแอบทำกันอยู่ บางทีก็เลี่ยงไปเรียกมันว่า “โครงการฟื้นฟูนิเวศน์ฯ” อะไรทำนองนี้
วันต่อมามีประกาศจากกระทรวงพาณิชย์ของจีน ว่าได้สั่งสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งเพราะ “ไปร่วมงานตีกอล์ฟของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง” ซึ่งตีความได้ว่าทำผิดนโยบายของท่านประธานาธิบดี ที่ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะในระดับสูงไปร่วมกิจกรรมกับธุรกิจที่ส่อไปในทาง “ฟุ่มเฟือย”
คำประกาศสั่งสอบสวนใครของรัฐบาลจีนเท่ากับว่าคนนั้นได้กระทำผิดแล้ว
สองปีที่ผ่านมาตั้งแต่ท่านผู้นำประกาศ “กฎเหล็ก” เรื่องความประพฤติของคนของรัฐ มีกรณีถูกสอบสวนเพราะทำในสิ่งที่ถูกเพ่งเล็งลักษณะนี้เป็นหมื่นคนทั่วประเทศแล้ว
ย้อนไปในประวัติศาสตร์ การเมืองจีนกับกอล์ฟไม่ค่อยไปด้วยกันเท่าไหร่
ยุคประธานเหมาเจ๋อตุง การเล่นกอล์ฟถูกห้ามอย่างเด็ดขาดเพราะท่านเรียกกิจกรรมนี้ว่าเป็น “กีฬาสำหรับเศรษฐี” ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์ถือว่าเป็นศัตรูกับแนวทางเพื่อชนชั้นกรรมาชีพ
ต่อมา แม้ว่ารัฐบาลจีนจะผ่อนคลายเรื่องนี้ และยอมให้มีการตีกอล์ฟกันค่อนข้างจะแพร่หลาย เพราะต้องการจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และเพื่อให้เห็นว่าประเทศจีน เข้าร่วมเป็นสมาชิกของโลกธุรกิจแล้ว แต่กระนั้น กอล์ฟก็ยังถูกมองไปในทางลบได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะในสายตาของผู้นำจีนที่ยังไม่พร้อมจะสละความเป็นคอมมิวนิสต์ได้ทั้งหมด
หากวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ ก็มีเหตุจะต้องเป็นห่วงว่าการสร้างสนามกอล์ฟมาก ๆ จะกลายเป็นประเด็นสังคมในประเทศที่ยังมีคนจนอีกจำนวนมากที่ยังหาเช้ากินค่ำอยู่
ประชากรของจีนเท่ากับ 20% ของโลก แต่มีที่ทำกินเพียง 9% ของโลก และน้ำที่ใช้ในกิจวัตรประจำวันของจีนก็มีเท่ากับ 7% ของทั้งโลกเท่านั้น
ยิ่งมีปัญหามลพิษที่กว้างขวางอย่างที่เห็นเป็นข่าวประจำวัน ก็ยิ่งทำให้ผู้นำจีนตระหนักว่าถ้ายังขืนปล่อยให้คนมีเงินทำอะไรตามแบบตะวันตกมาก ๆ ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมได้มากขึ้นอีก
กอล์ฟเป็นงานอดิเรกที่แพง ค่าใช้จ่ายสูง หากคนยากคนจนในต่างจังหวัดซึ่งมีอยู่หลายร้อยล้านคนเห็นภาพเจ้าหน้าที่รัฐเล่นกอล์ฟบ่อย ๆ ก็อาจจะกระทบต่อ “ความมั่นคงของรัฐ” ในความหมายของผู้นำจีนวันนี้ก็ได้
ว่ากันว่าที่มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นที่เกมกอล์ฟเริ่มต้นก่อนที่อื่นของจีน ทางการได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อเฝ้าติดตาม ว่าคนของหน่วยราชการไหนไปทำอะไรที่เกี่ยวกับกอล์ฟบ้าง
ทางการถึงขั้นเปิด “สายด่วน” ให้ประชาชนโทรฯ แจ้งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนแอบหนีงานไปเล่นกอล์ฟอีกด้วย
ใครรักเพื่อนคนจีนจริง อย่าชวนเล่นกอล์ฟนะครับ