เธอคือความฝัน

เธอคือความฝัน

ยังจำหนังเรื่อง “Inception” กันได้ไหมครับ ตอนจบตัวเอก Cobb จับลูกข่างจิ๋ว

ที่เป็นเครื่องมือบอกว่าเค้าอยู่ในโลกแห่งความจริงหรือโลกแห่งความฝันหมุนบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหาลูกๆของเค้าโดยไม่หันมามองว่าเจ้าลูกข่างจะออกผลลัพธ์อย่างไร

เป็นฉากจบที่ผมและเพื่อนๆ ต่างเอาไปคิดต่อว่าเค้าอยู่ในโลกไหนกันแน่

แล้วคุณล่ะครับ อยู่ในโลกแห่งความจริงหรือโลกแห่งความฝัน

6:00 น. เสียงนาฬิกาปลุกลากผมออกจากเตียงเช้าวันจันทร์ วนกลับมาหาผมอีกครั้ง เหมือนเจ้าหนี้บัตรเครดิตที่ต้องตามาทวงเงินทุกสิ้นเดือน ต่างกันตรงที่วันจันทร์เป็นเจ้าหนี้ชีวิตที่มาเอาความสุขของผมเป็นประจำทุกอาทิตย์ ผมรีบอาบน้ำ เอาขนมปังเข้าปากโดยที่ไม่รู้สึกถึงรสชาติของมัน ก่อนเดินออกจากห้องคอนโดสุดฮิปทั้งที่มีห้องเป็นร้อยห้อง แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว

ภาพรถเต็มท้องถนนทำให้ผมต้องเหยียบคันเร่งแข่งกับเข็มนาฬิกา ทั้งที่มันไม่อยากแข่งกับใคร สายตาผมจับจ้องไปที่รถข้างๆ และพร้อมแทรกเลนถ้ามีโอกาสแม้จะต้องขวางทางคนอื่นหรือไม่ก็คอยกันไม่ให้คนอื่นแทรกผมทำในสิ่งที่ตัวผมรังเกียจมากขึ้นตามระยะทางที่เพิ่มขึ้น

ผมเร่งรีบมาทำงานที่ผมทำแล้วไม่มีความสุขทุกวัน และผมมักจะทำงานที่ผมไม่ชอบนั้นจนถึงดึกดื่นเสมอ เพื่อที่ผมจะได้โปรโมทตำแหน่งที่สูงขึ้นและได้ทำงานที่ผมไม่ชอบมากขึ้น และมีตังค์ผ่อนคอนโดที่ผมไม่มีโอกาสได้อยู่ตลอดวัน คอนโดที่มีไว้แค่เป็นที่นอน

“เมื่อไหร่จะถึงวันศุกร์” ผมโพสต์ลงเฟซบุ๊ค หวังว่าจะมีคนมากดไลค์หรือคอมเมนท์อะไรบ้าง อย่างน้อยก็มีคนสนใจผมแม้ผมจะไม่เคยรู้จักเค้าก็ตาม

บางครั้งผมอดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็นชีวิตของผมจริงๆ หรือเปล่า ผมเคยอยู่บ้านกับพ่อแม่พี่น้อง ถึงพวกเค้าจะไม่แสดงออกมากนักแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเค้ารักผม ก่อนจะย้ายมาอยู่ห้องสี่เหลี่ยมคอนโดคนเดียวและเรียกสิ่งนี้ว่า “บ้าน” ผมมีชีวิตแค่วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และ “แข่งกัน” พักผ่อนช่วงวันหยุดยาว ผมทุ่มเทให้กับงานที่ผมไม่ชอบเพื่อที่จะมีเงินมาซื้อความสุขชดเชยความทุกข์ระหว่างทำงาน

ผมอาศัยในโลกแห่งความจริง หรือโลกแห่งความฝันที่ใครบางคนสร้างขึ้นมา และคอยกำกับชีวิตผม

“What is the most resilient parasite? Bacteria? A virus? An intestinal worm? An idea. Resilient... highly contagious. Once an idea has taken hold of the brain it's almost impossible to eradicate. An idea that is fully formed - fully understood - that sticks; right in there somewhere” Cobb ว่าเอาไว้

Kokanee เบียร์แคนนาดาประสบปัญหาคล้ายๆกับเบียร์ประเทศไทยที่นั่นกฎระเบียบโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เข้มงวดมาก เช่น ห้ามกระตุ้นให้คนอยากดื่มหรือโปรโมทการดื่มแบบไม่รับผิดชอบ Kokanee เลยหาวิธี engage กับกลุ่มเป้าหมายโดยไม่ต้องผ่านกติกายุ่บยับด้วยการสร้างภาพยนตร์ความยาว 90 นาที ชื่อว่า “The Movie Out Here” พ้องกับสโลแกนของแบรนด์ “The Beer Out Here”

ทีมงานชวนกลุ่มเป้าหมายมาแสดงในภาพยนตร์ เพียงเข้าเว็บไซต์และทดสอบบทแบบสดๆหรือส่งคลิปวีดิโอหรือจะเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากทำเพลงประกอบรวมทั้งโหวตบาร์ที่ตัวเองชอบเพื่อไปอยู่ในหนัง หรือจะร่วมสนุกง่ายๆแค่พิมพ์ชื่อและจะไปปรากฏที่เครดิตตอนท้ายของหนัง

วิธีโปรโมทภาพยนตร์เริ่มจากโฆษณาผ่านทีวี โรงหนัง ออนไลน์ ในบาร์และร้านขายเบียร์แล้ว ยังถ่ายทอดเบื้องหลังการถ่ายทำผ่านเว็บไซต์จัดรอบ Exclusive Premiere สำหรับเหล่าสาวกของแบรนด์ ทำแพคเกจ Limited Edition ที่สามารถสแกนเพื่อดู Exclusive Movie Footage จบแคมเปญส่วนแบ่งการตลาดโตมากกว่าเป้า 6% และสามารถดึงลูกค้าใหม่ๆสูงกว่าเป้า 152% และ“ The Movie Out Here” ขึ้นแท่นหนังทำเงินเป็นอันดับ 4จาก 12 เรื่อง

ภาพยนตร์ที่ใช้ผู้บริโภคเป็นตัวละครโดยมีแบรนด์เป็นผู้กำกับสามารถเลี่ยงกติกาโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และสร้างยอดขายสูงกว่าเป้า

บางทีชีวิตเราอาจไม่ต่างจากแคมเปญนี้มากนัก

โลกปัจจุบันถูกชุดความคิดระบบทุนนิยมครอบงำ เราถูกปลูกฝังซ้ำๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวว่าหน้าที่ของเราคือนักบริโภค ไม่ใช่หน้าที่ของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิต เราอยู่ในยุคที่ต้องซื้อน้ำดื่มทั้งที่น้ำเป็นทรัพยากรของทุกชีวิตไม่มีใครเป็นเจ้าของ เราได้รับผลกระทบโลกร้อนที่สร้างจากกลุ่มทุนที่ยึด 80% ของทรัพยากรทั้งหมดเป็นของตัวเองและทำลายมันตามใจชอบเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋า

เราต้องแข่งขัน ต้องสร้าง productivity สูงสุดเพื่อที่ใครบางคนจะได้รวยยิ่งขึ้น เราต้องทิ้งวันจันทร์ถึงศุกร์ ครอบครัว ความฝัน และสิ่งสำคัญในชีวิตให้กับคนบางกลุ่มเพื่อแลกกับเงินก้อนนึง เพื่อจะเอาไปซื้อของมาชดเชยสิ่งที่เราขาด สิ่งของที่พวกเค้าบอกว่าจำเป็นกับชีวิตและทำให้พวกเค้ารวยยิ่งขึ้น

ชุดความคิดทุนนิยมฝังแน่นในสมองเราเราอาศัยอยู่ในความฝันของเหล่านักสร้างระบบ จนมองไม่เห็นโลกของความจริง

ทุกครั้งที่เราทิ้งสติสัมปชัญญะไปเราทิ้งชีวิตของเราให้กับคนอื่นกำกับถึงฉากจบของ “Inception” ยังคงเป็นปริศนาให้ต้องขบคิดว่า Cobb อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง หรือโลกแห่งความฝันกันแน่

แต่ไม่ว่าคนดูจะคิดอย่างไร Cobb ขอแค่ได้อยู่กับลูกของเค้าโดยไม่สนว่ามันคือโลกไหนและพร้อมที่จะเผชิญกับผลลัพธ์ในสิ่งที่เค้าเลือก

6.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกดังอีกครั้ง เช้าวันจันทร์ที่ไม่ได้รับเชิญกลับมานั่งข้างเตียงพร้อมรอยยิ้มลึกลับ

คุณตื่นแล้ว หรือยังอยู่ในความฝันครับ