ยึดทางออก วิถี ประชาธิปไตย

ยึดทางออก วิถี ประชาธิปไตย

ปัญหาทางการเมืองไทย เดินทางมาสู่จุดน่าห่วงใยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่เมื่อปี 2553 ที่นำมาสู่ผู้คนบาดเจ็บ ล้มตาย

เป็นรอยด่างของประเทศจนถึงวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่สังคมจำเป็นต้องมีสติ ปัญญา ให้มากกว่าปกติ เพราะหากว่าทุกฝ่ายใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา ย่อมนำมาซึ่งความเสียหาย บาดเจ็บล้มตายได้อีก เราเห็นว่าทางออกจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองวันนี้ มีทางออกเปิดกว้างเสมอหากเราเลือกที่จะใช้ โดยเฉพาะวิถีประชาธิปไตย "ยุบสภาหรือลาออก" เปิดโอกาสให้ประชาชน ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ เป็นผู้ตัดสิน เพราะหากทุกฝ่ายยังดึงดัน ที่จะใช้มวลชนมาปะทะหรือจัดม็อบชนม็อบ ตามทิศทางที่กำลังจะเกิดขึ้น ยิ่งจะทำให้ปัญหาขยายวงกว้าง ยากที่จะยุติได้ในอนาคต เนื่องจากการใช้วิถีนอกประชาธิปไตยนั้น นอกจากไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว จะทำให้ประเทศมีพัฒนาการทางการเมืองที่ถดถอย เห็นได้จากโพลล์หลายสำนัก ประชาชนเห็นควรให้ใช้วิถีทางประชาธิปไตยแก้ปัญหาทั้งนั้น

เอแบคโพลล์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 86.9% อยากให้นักการเมืองทุกฝ่าย ยึดถือแนวทางภายใต้ระบอบประชาธิปไตยเพื่อพัฒนาประเทศ ไม่ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ในขณะที่ 13.1% ระบุต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิมต่อไป นอกจากนี้ ตัวอย่าง 88.5% คิดว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเปิดเผยรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณในทุกเม็ดเงิน เพื่อลดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชน มีเพียง 11.5% เท่านั้น ที่คิดว่าไม่จำเป็น ประเด็นที่น่าพิจารณา คือ กว่าสองในสาม หรือ 69.8% ไม่คิดว่ารัฐประหารจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ในขณะที่ 30.2% คิดว่าช่วยได้ ส่วน กรุงเทพโพลล์ เห็นว่าประชาชน 41.1% ควรยุบสภา ขณะที่ 38.7% เห็นว่าไม่ควร ที่เหลือ 20.2% ไม่แน่ใจ

ขณะเดียวกัน จากการสอบถามนักธุรกิจทั่วไป ก็เห็นว่าวิถีทางประชาธิปไตยเป็นแนวทางที่ดี ไม่ว่าจะ "ยุบสภา หรือ ลาออก" โดย รองประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย สมเกียรติ อนุราษฎร์ เห็นว่า การลาออกของคณะรัฐมนตรีและการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ จะเป็นทางออกที่ไม่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก แต่หากยังมีการชุมนุมยืดเยื้อจะเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางมาท่องเที่ยว และที่สำคัญคืออาจทำให้โครงการพัฒนาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ล่าช้าหรือสะดุดออกไปมาก ซึ่งมีความสำคัญต่อศักยภาพการแข่งขันของไทยในอนาคต

นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ มองว่าสำหรับทางออกของรัฐบาล ส่วนตัวไม่อาจแนะนำได้ว่าควรทำอย่างไร แต่สิ่งที่ภาคธุรกิจไม่อยากให้เกิดขึ้น คือ ความรุนแรงในสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งรัฐต้องเป็นผู้ดูแลไม่ให้เกิดความบานปลาย แม้ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าและการขนส่ง แต่ต่างชาติให้ความสนใจ ติดต่อสอบถามถึงความปลอดภัยต่อการเดินทางมาทำธุรกิจ จึงต้องช่วยกันเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ มุมมองของรองประธานกรรมการหอการค้าไทย ในฐานะเลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน วิชัย อัศรัสกร บอกว่า ทางออกของรัฐบาล คือ ให้ออกมาขอโทษ และพูดความจริงกับประชาชน เพราะหากว่าไม่พูดความจริง ก็เหมือนกับดูถูกประชาชน ดูถูกความรู้ หากออกมาขอโทษ สังคมยังพร้อมที่จะให้อภัย

เช่นเดียวกับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บุญชัย โชควัฒนา เห็นว่าทางออกที่คิดว่าดีที่สุด คือ รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ถอย ด้วยการยุบสภาแล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย จะกลับเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล คุมเสียงข้างมากได้อีก ซึ่งขณะนี้ส่วนตัวยังมีความหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์นองเลือด เวลานี้ต้องใช้สติปัญญา ใช้สติในการเลือกทางออก ขออำนาจ พระสยามเทวาธิราช ช่วยคุ้มครองให้เราผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี จะเห็นว่าถึงตอนนี้ประเทศยังมีทางออก และเป็นทางออกที่ดี ซึ่งนั่นคือ เลือกวิถีทางประชาธิปไตย