กาวใจยี่ห้อ"กองทัพธรรม"

กาวใจยี่ห้อ"กองทัพธรรม"

ในที่สุด "โอลด์เติร์ก" แห่งสนามม้านางเลิ้ง ก็ยอมรับสภาพ "นำม็อบต่อไปไม่ได้"

เพราะวันดีเดย์ 7 สิงหาคม 2556 พิสูจน์ชัดว่า ไร้บารมีการนำ และไม่มีประเด็นที่แหลมคม พอจะเรียกคนให้เข้ามาร่วมชุมนุม

แค่ชักธงรบ 3-4 วัน นายทหารเก่ากับอดีตแนวร่วมเสื้อเหลือง ที่ตั้งชื่อ "คณะเสนาธิการร่วม กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" ดูเกริกก้องเกรียงไกร แต่พอลงสนามจริง กลับป้อแป้ปวกเปียก เหมือนมือใหม่หัดขับ

มันจึงเกิดปฏิบัติการ "อุ้มม็อบทหารเก่า" โดยการบัญชาของ "สมณะโพธิรักษ์" ให้ "กองทัพธรรม" เข้ามาช่วยเหลือการชุมนุมที่สวนลุมพินี เป็นการเร่งด่วน

เต็นท์ขนาดใหญ่ที่เคยใช้ใน "ม็อบ เสธ.อ้าย" ภาคแรก ถูกนำมาติดตั้ง พร้อมทั้งเวทีมาตรฐาน และที่ขาดไม่ได้คือ โรงครัวของชาวอโศก

ส่วน FM TV กระบอกเสียงของชาวอโศกได้มาช่วยถ่ายทอดสดตั้งแต่วันแรกๆ ของการชุมนุมอยู่แล้ว ซึ่งตอนหลังทางทีมงานของ FM TV ก็เข้าคุมเวทีปราศรัยโดยเบ็ดเสร็จ

เหตุใด "สมณะโพธิรักษ์" ที่มีบทเรียนอันเจ็บลึกจากม็อบ เสธ.อ้าย จึงตัดสินใจนำชาวอโศกลงสนามอีกครั้ง

ว่ากันว่า สมณะโพธิรักษ์ ศรัทธาในกลุ่มคนที่ต้านทุนสามานย์ทุกเฉดสี แต่ก็รับรู้มาโดยตลอดว่า ภายในขบวนการต้านทุนสามานย์ เกิดความขัดแย้งทางความคิด แต่ละกลุ่มก็มียุทธศาสตร์ไม่เหมือนกัน บางกลุ่มก็ติดเงื่อนไขจากเหตุปัจจัยภายนอก จึงไม่สะดวกที่จะเปิดหน้าชกเหมือนเก่า

ก่อนหน้านี้ สมณะโพธิรักษ์ ก็เห็นความแตกแยกของกลุ่มไชยวัฒน์ กับกลุ่มดาวแดง ที่สนามหลวง รวมถึงกรณีการแยกทางกันเดินระหว่าง ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กับ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ อันเนื่องมาจาก "อัตตา" ของแต่ละฝ่าย

พ่อท่านของชาวอโศก ขึ้นเทศน์หลายครั้งว่า ไม่ควรแบ่งเขาแบ่งเรา อยากให้สลาย "อัตตา" แล้วมาร่วมไม้ร่วมมือกันโค่นระบอบทุนสามานย์

การเคลื่อนกองทัพธรรมออกจากที่ตั้ง มายึดสวนลุมพินีรอบนี้ สมณะโพธิรักษ์ จะโชว์ให้เห็นว่า ชาวอโศกต้องการสลาย "อัตตา" ไม่ถือเขาถือเรา สมกับคำขวัญที่ว่า "มีหมู่ฝูงที่ดี รีบพลีชีพลุย"

พูดง่ายๆ สมณะโพธิรักษ์ และกองทัพธรรม ขอเป็น "กาวใจ" หวังดึงทุกกลุ่มให้มาร่วมกันโค่นระบอบทักษิณ!

เฉพาะหน้า ยุทธวิธีของกองทัพธรรม ก็จะปักหลักอยู่สวนลุมพินีแบบ "อยู่ยาว อยู่เย็น" ไม่เร่งร้อนที่จะไปหักโค่นกับใคร?

นัยว่า การศึกครั้งนี้ สมณะโพธิรักษ์อาจพาชาวอโศกอยู่ที่สวนลุมพินี นานกว่า 193 วัน และเรียกรวมพลชาวอโศกจากต่างจังหวัด ให้มาทำกิจกรรมที่กรุงเทพฯ

ทุกวันทีมงานกองทัพธรรม จะเป็นคนจัดคิวการปราศรัยบนเวที กุมหลักการ "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" และห้ามขึ้นไปด่าพันธมิตรฯ ด่า ปชป. ด่ากลุ่มไชยวัฒน์ ฯลฯ หากผู้ใดฝ่าฝืน จะถูกห้ามขึ้นเวทีโดยเด็ดขาด

ส.ส.ปชป. ตัวแทนกลุ่มไทยสปริง และนักวิชาการฝ่ายต้านทักษิณ ก็เรียงหน้ามาขึ้นเวทีกันบ้างแล้ว ส่วนด้านหลังเวที สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ,ปราโมทย์ นาครทรรพ และแนวร่วมเสื้อเหลืองก็แวะเวียนมาอยู่บ่อยๆ

กิจกรรมแบบตลาดอาริยะ จะถูกนำมาใช้บ่อยครั้งขึ้น เพื่อดึงคนกลุ่มอื่นๆ และพยายามไม่สร้างผลกระทบกับผู้ที่มาออกกำลังกายในสวนลุมพินี

มาถึงวันนี้ สรุปว่า กองทัพธรรม คุมการนำม็อบสวนลุมพินี โดยคณะเสนาธิการร่วมฯ ก็เป็นเพียง "พระอันดับ" ให้สื่อได้มาฟังการแถลงข่าวเป็นระยะๆ

สำหรับ "กองทัพนิรนาม" ของผู้กองปูเค็ม ก็มีอิสระในการเคลื่อนไหว แต่จะละเมิดข้อตกลงในการบริหารสถานที่ชุมนุมสวนลุมฯ ไม่ได้

กาวใจยี่ห้อสมณะโพธิรักษ์ จะเชื่อมประสานใจให้แกนนำกลุ่มต่างๆ มาหลอมรวมกันเหมือนในอดีตได้หรือไม่? เป็นเรื่องน่าวิเคราะห์ยิ่ง

แม้แต่แอดมินเพจ V For Thailand ศูนย์กลางหน้ากากขาว ยังโพสต์ว่า "ขอย้ำ สิ่งแรกที่เราต้องไม่ลืมก็คือความสามัคคี ถ้าเรายังไม่สามารถสามัคคีกันได้ ยังแยกสีแยกกลุ่ม สุดท้ายก็เตรียมตัวเอาประเทศไทยใส่พาน"

ใครบางคนโพสต์ไว้ในหน้าเพจฝ่ายต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ "ยากกว่าการโค่นระบอบทักษิณ ก็คือการรวมตัวกันของฝ่ายตรงข้ามทักษิณ"