การพัฒนาวงการฟุตบอล ภาพสะท้อนของการพัฒนาประเทศ | เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว

การพัฒนาวงการฟุตบอล ภาพสะท้อนของการพัฒนาประเทศ | เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว

กลางเดือนธันวาคมปีนี้ เราก็จะได้รู้กันแล้วว่าประเทศไหนจะได้ถ้วยฟุตบอลโลกไปครอง หากย้อนกลับไปดูรายชื่อในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีทีมจากประเทศที่มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน  

มีทั้งประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจการเมืองโลกอย่างสหรัฐอเมริกา และประเทศที่ยังยากจนอยู่อย่างกานากับตูนิเซีย แต่พอยิ่งเข้ารอบลึกขึ้น  รายชื่อของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศยากจนก็หายไปเรื่อย ๆ  จนถึงในรอบสี่ทีมสุดท้าย  ผู้เช้าชิงถ้วยฟุตบอลโลกจะต้องมือชื่อของประเทศพัฒนาแล้วอยู่ด้วยเสมอ

เป็นไปได้หรือไม่ว่า  ระดับความสามารถของทีมฟุตบอลแต่ละประเทศก็ขึ้นอยู่กับระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ  ประเทศไหนที่มีการพัฒนาสูงก็มีโอกาสเข้าถึงรอบลึกๆ ได้มาก  

หากระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดความสามารถของทีมฟุตบอลในแต่ละประเทศแล้ว  การจัดอันดับทีมฟุตบอลของฟีฟ่า ก็ต้องมีแต่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอยู่ในอันดับต้นๆ  

แต่จากข้อมูลในตารางจะเห็นว่าบราซิลกลับถูกจัดเป็นอันดับหนึ่ง อาร์เจนตินาอันดับสาม  สูงกว่าอันดับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมนีเสียอีก  ดังนั้น  ข้อสังเกตนี้จึงไม่น่าจะถูกต้องเสียทั้งหมด

ถ้าเช่นนั้นแล้ว  เราจะอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับฟุตบอลโลกได้อย่างไร?  เมื่อพิจารณารายชื่อของประเทศที่เข้ารอบแปดทีมสุดท้ายของฟุตบอล  จะพบว่า  หลายประเทศมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง  นั่นคือ  ประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของลีกฟุตบอลชั้นนำของโลก  และนักฟุตบอลส่วนใหญ่ของทั้งแปดทีมที่เข้ารอบก็เล่นอยู่ในลีกเหล่านี้เช่นกัน

การพัฒนาวงการฟุตบอล ภาพสะท้อนของการพัฒนาประเทศ | เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่า  ลีกฟุตบอลชั้นนำของโลกมีการแข่งขันกันสูง  ถ้าทีมไหนไม่แน่จริง  ก็มีสิทธิโดนเขี่ยออกจากลีก  ส่วนทีมไหนที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้  จะได้รับผลตอบแทนมากมายมหาศาล

 การคัดเลือกนักฟุตบอลเข้าร่วมทีมจึงทำกันอย่างระมัดระวัง  การบริหารจัดการทีมก็ทำกันแบบมืออาชีพ  ผลตอบแทนที่เสนอให้กับนักฟุตบอลฝีเท้าดีก็สมน้ำสมเนื้อ  สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้เล่นคนนั้นให้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว  

    สมาคมหรือหน่วยงานที่เป็นผู้คอยกำกับดูแลลีกเหล่านี้ มีกฎระเบียบเข้มงวดเพื่อเกิดธรรมาภิบาลในการบริหารลีกที่ครอบคลุมในทุกมิติ รวมถึงมิติทางด้านการเงิน เป็นการจำกัดขอบเขตของปัญหาปลาใหญ่กินปลาเล็ก ทีมที่มีเงินหนาจึงไม่ได้เป็นทีมที่ชนะในทุกนัด

    เมื่อเปรียบเทียบกับลีกฟุตบอลในเมืองไทยและประเทศเพื่อนบ้านของเรา  คงไม่ต้องบอกว่า  มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน  จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า  ทำไมเราถึงอยู่ในอันดับที่ 111 ตามหลังเวียดนามซึ่งอยู่อันดับที่ 97 

การพัฒนาวงการฟุตบอล ภาพสะท้อนของการพัฒนาประเทศ | เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว

    สิ่งที่เกิดขึ้นในวงการลูกหนังโลก  เป็นภาพสะท้อนสำคัญเกี่ยวกับนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเหล่านี้  

พวกเขาเชื่อว่า  หากรัฐมัวแต่ปกป้อง  ไม่ยอมให้บริษัทในประเทศเจอกับแรงกดดันจากการแข่งขันจริง  บริษัทก็ไม่มีทางจะเข้มแข็งขึ้นได้  เมื่อบริษัทไม่เข้มแข็ง  อุตสาหกรรมก็ไม่เข็มแข็ง  ท้ายที่สุดแล้วเศรษฐกิจก็จะพลอยไม่เข้มแข็งไปด้วย  

เปรียบไปก็เหมือนกับทีมฟุตบอลที่เจอแต่คู่แข่งต่ำชั้นกว่า  แถมยังมีกรรมการคอยเข้าข้าง  แข่งยังไงก็ไม่แพ้  หากวันหนึ่งต้องออกไปแข่งกับทีมอื่นที่เก่งกว่า  และไม่มีใครคอยเข้าข้างอีกต่อไป  คงจะนึกออกว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร

      จริงอยู่  รัฐอาจต้องตัดใจ “เลือดเย็น”  ปล่อยให้บริษัทที่อ่อนแอล้มหายตายจากไป  เพื่อให้อุตสาหกรรมนั้นเข็มแข็งขึ้น   ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกันการสร้างความเป็น “มืออาชีพ” ให้เกิดขึ้นกับภาครัฐและภาคเอกชน  ลดการใช้เส้นสาย  เลิกระบบพวกพ้อง  ลดการแทรกแซงทางการเมือง  เพื่อให้ทุกคนสามารถแข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียม

รวมถึงการหาแต้มต่อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเพื่อให้ตั้งตัวได้  วิธีนี้อาจมีคนต้องเจ็บปวดบ้าง  แต่นี่คือต้นทุนที่จะต้องจ่าย  ถ้าเราต้องการให้ประเทศไทยสามารถสร้างและรักษาความสามารถด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว

    คงอีกนานกว่าเราจะเห็นทีมชาติไทยได้ไปฟุตบอลโลก  ตราบใดที่วงการฟุตบอลบ้านเรายังไม่เปลี่ยนวิธีคิด ยิ่งศรัทธาถูกกัดกร่อน ความเข้มแข็งของวงการฟุตบอลก็จะยิ่งลดลง ปีนี้เราอยู่อันดับที่ 111 อีก 5 ปีข้างหน้าเราจะไปอยู่อันดับไหนก็ไม่รู้

 และก็คงอีกนานเช่นกันกว่าที่เราจะเห็นประเทศไทยกลายเป็นประเทศชั้นแนวหน้าของเศรษฐกิจโลก  หากยังปล่อยให้ความไม่ถูกต้องทั้งหลายมาบ่อนทำลายบ้านเมืองเหมือนที่เกิดขึ้นมาในช่วงหลายสิบปีนี้.

การพัฒนาวงการฟุตบอล ภาพสะท้อนของการพัฒนาประเทศ | เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว

คอลัมน์ : หน้าต่างความคิด
ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์