พันธมิตรยื่น7ข้อให้นายกฯไม่รับศาลโลก

พันธมิตรยื่น7ข้อให้นายกฯไม่รับศาลโลก

พันธมิตรยื่น 7 ข้อเสนอถึง "ยิ่งลักษณ์" ไม่ให้รับอำนาจศาลโลก ชี้ไม่ทำตามถือว่าสมรู้ร่วมคิด ยัน 21 ม.ค.ไม่มีชุมนุมรอดูท่าทีอีกครั้ง

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นตัวแทนแกนนำพันธมิตรฯ นำประชาชนกลุ่มพธม.มายื่นหนังสือถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขอให้ปฏิเสธอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก)และรักษาอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย ที่จะมีการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารในวันที่ 15 -19 เม.ย. 2556 ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์

ทั้งนี้ในหนังสือถึงนายกฯระบุข้อเรียกร้อง 7 ข้อ คือ 1.ให้รัฐบาลใช้โอกาสก่อนถึงวันพิจารณาคดีประกาศอย่างเป็นทางการว่าไทยถือว่าศาลโลกไม่มีอำนาจในการตีความคดีนี้ และไม่รับอำนาจศาลโลกในการตีความในคดีนี้ ประกอบกับไทยไม่ได้ต่ออายุปฏิญญาการยอมรับอำนาจศาลโลกโดยบังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 2.รัฐบาลไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก ไม่ต้องถอนทหารหรือตำรวจตระเวนชายแดนออกจากแผ่นดินไทยและขอให้เร่งผลักดันชุมชนกัมพูชาให้ออกจากแผ่นดินไทย 3.ให้รัฐบาลเร่งฟื้นฟูและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะกับประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีประเทศใดเข้ามาใช้อำนาจในการละเมิดอธิปไตยของชาติ

4.อาศัยกฎบัตรสหประชาชาติข้อ 2 วรรค7 และให้รัฐบาลยืนยันว่าสมาชิกสหประชาชาติไม่มีอำนาจในการแทรกแซงในเรื่องภายในอธิปไตยของไทย และให้รัฐบาลยืนยันตามข้อ 2(ก) และ 2(ง) แห่งกฎบัตรสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่ารัฐสมาชิกอาเซียนจะต้องปฏิบัติตามหลักการในการเคารพเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐสมาชิกอาเซียน 5.รัฐบาลไทยจะต้องไม่กลับเข้าไปเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกอีก 6.ให้รัฐบาลหยุดใช้นักวิชาการ 7.1 ล้านบาท ที่รับจ้างจากกระทรวงการต่างประเทศมาโฆษณาชวนเชื่อในสื่อของรัฐฝ่ายเดียว ควรเปิดพื้นที่สื่อให้กว้างขวางเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลจากผู้ที่ต้องการปกป้องอธิปไตยของชาติและไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐด้วย และ 7.ให้ช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งถูกทหารกัมพูชาจับในดินแดนไทย โดยเร่งรัดดำเนินการให้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำกัมพูชาโดยเร็ว

นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า ศาลโลกไม่ได้ให้ความเป็นธรรม เป็นศาลการเมือง และเป็นศาลที่ใช้อำนาจการต่อรอง ผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ ดังนั้นเมื่อพธม.ได้ยื่นหลักฐานแล้วสนับสนุนการที่รัฐบาลจะไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกแล้ว ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้โอกาสสุดท้ายนี้ในการประกาศว่าประเทศไทยจะไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลก ไม่ใช่รับอำนาจของศาลโลกแล้วออกมาพูดทีหลังว่าไม่รับเพราะเป็นนิสัยของพวกที่ขี้แพ้ชวนตี

“เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติตามข้อเรียกร้องทั้ง 7 ข้อ ซึ่งข้อเรียกร้องไม่ได้ทำด้วยอารมณ์แต่เป็นร้องเรียกร้องตามข้อคิดเห็นของนายสมปอง สุจริตกุล ซึ่งเป็นทนายระหว่างประเทศ เป็นทนายคณะทำงานประสานคนสุดท้ายของปราสาทพระวิหารที่ยังมีชีวิตอยู่ หากไม่ปฏิบัติย่อมถือว่าสมรู้ร่วมคิด รู้เห็นเป็นใจ ในการกระทำครั้งนี้ ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบทั้งในทางการเมืองและในทางคดีความต่อไปในอนาคต อย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้” นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพ กล่าวว่า วันที่ 21 ม.ค. กลุ่มพธม.ไม่ได้ชุมนุมแต่จะใช้มาตรการจนถึงที่สุดเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่ก่อน แต่หากไม่ทำหน้าที่ของตัวเองจึงจะกำหนดมาตรการของตัวเองต่อไปในอนาคต และข้อกำหนดของการชุมนุมหนึ่งในนั้นคือเมื่อมีประชาชนเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากประชาชนมีสำนึกในความรักชาติพร้อมๆกัน และไม่ยอมเสียดินแดน เมื่อถึงสถานการณ์นั้นแล้ว พธม.พร้อมที่จะประชุมนำการชุมนุมโดยทันที