SME D Bank ลั่นกลอง ‘ฝ่า ฟัน ดึง ดัน’ พา SME เข้าถึงแหล่งทุน 5 พันล้าน ใน 3 เดือน

SME D Bank เร่งเครื่องดันนโยบาย "ธนกร" รมว.อุตสาหกรรม "ฝ่า ฟัน ดึง ดัน" พา SME เข้าถึงแหล่งทุน 5 พันล้านบาท ใน 3 เดือน
KEY
POINTS
- SME D Bank เร่งขับเคลื่อนนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้รวดเร็วและทั่วถึง
- ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวมกว่า 5,000 ล้านบาท ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (3 เดือน) เพื่อเติมสภาพคล่องและรักษาการจ้างงาน
- เสนอสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 3% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก และให้วงเงินสูงสุดรายละ 50 ล้านบาท
- นอกจากการให้สินเชื่อ ยังมีแผนพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการแบบครบวงจรผ่านโมเดล “5G” และแพลตฟอร์มเรียนรู้ออนไลน์ “DX by SME D Bank” เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ
ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกผันผวนรุนแรงกว่าที่คาด ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยซึ่งเป็น “ฟันเฟืองหลัก” ของระบบเศรษฐกิจประเทศ กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูง การเข้าถึงแหล่งทุนที่ยังจำกัด
ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และแรงกดดันจากเทคโนโลยีและการแข่งขันในตลาดโลก ขณะที่หลายธุรกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จากผลกระทบโควิด-19 ปัญหาสภาพคล่องจึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตของ SME ไทย
ภาครัฐจึงต้องเร่งเดินหน้า “มาตรการช่วยเหลือเชิงรุก” โดยเฉพาะในมิติด้านการเงินและการพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวทันต่อสถานการณ์ และยืนหยัดอยู่ได้ในระยะยาว
ล่าสุด ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ได้ขานรับนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ของกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งเครื่องปล่อยสินเชื่อกว่า 5,000 ล้านบาท ภายใน 3 เดือน พร้อมแผนพัฒนาแบบครบวงจร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้เอสเอ็มอีไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤติและต่อยอดสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ธนาคารเร่งขับเคลื่อนนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ที่ได้รับมอบจาก นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งทุนได้รวดเร็วและทั่วถึง โดยสอดคล้องกับแนวทาง “Quick Big Win” ของรัฐบาลที่ต้องการเห็นผลในระยะสั้น แต่เกิดผลลัพธ์จริงทางเศรษฐกิจ
“ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวมกว่า 5,000 ล้านบาท ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ผ่านทั้งสินเชื่อภายใต้นโยบายรัฐและผลิตภัณฑ์สินเชื่อของธนาคารเอง ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นเพียง 3% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก วงเงินสูงสุดรายละ 50 ล้านบาท เพื่อเติมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ ช่วยรักษาการจ้างงาน ฐานการผลิต และการจ่ายค่าจ้างแรงงาน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ” นายพิชิต กล่าว
ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวมุ่งช่วยผู้ประกอบการในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น รวมถึงความผันผวนของตลาดโลก เพื่อให้สามารถรักษาสภาพคล่องและปรับตัวสู่รูปแบบธุรกิจใหม่ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากเสริมด้านการเงินแล้ว SME D Bank ยังให้ความสำคัญกับการ “พัฒนาเชิงลึก” เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในระยะยาว โดยออกแบบแนวทางสนับสนุนแบบครบวงจรภายใต้โมเดล “5G” ได้แก่
1. GO Global พัฒนาสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานสากล ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน
2. GO Access to Finance เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้อย่างมั่นใจ ด้วยการให้คำปรึกษาและอบรมด้านการเงิน
3. GO Digital & AI ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และขยายช่องทางการตลาด
4. GO Green Productivity & Innovation หนุนธุรกิจมุ่งสู่การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย Net Zero
5. Goal Sustainable พัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th) ให้ผู้ประกอบการสามารถ Upskill และ Reskill ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดกิจกรรมฝึกอบรมในพื้นที่เมืองรองทั่วประเทศ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2568 เน้นเนื้อหาที่ช่วยเพิ่มยอดขายและลดต้นทุน เช่น
1. การเพิ่มช่องทางขายผ่าน E-Commerce
2. การใช้เครื่องมือ Digital Tools และ AI เพื่อบริหารจัดการธุรกิจ
3. การอบรมด้านการเงิน (Financial Literacy) เพื่อสร้างความเข้าใจในการวางแผนและบริหารสภาพคล่อง
นายพิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารเชื่อว่าการพัฒนาองค์ความรู้ควบคู่ไปกับการสนับสนุนทางการเงิน จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีภูมิคุ้มกัน สามารถปรับตัวได้ทันท่วงทีต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ภายใต้นโยบาย ‘ฝ่า ฟัน ดึง ดัน’ SME D Bank จะไม่เพียงเป็นแหล่งเงินทุน แต่จะเป็น ‘เพื่อนร่วมทางของเอสเอ็มอีไทย’ ที่คอยเสริมความรู้ สร้างโอกาส และผลักดันให้ธุรกิจไทยเดินหน้าอย่างมั่นคง ท่ามกลางโลกเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” นายพิชิตกล่าวย้ำ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถแจ้งความประสงค์เข้ารับบริการด้านพัฒนาและการเงินจาก SME D Bank ได้ผ่านสาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank และ www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357
การเข้าถึงแหล่งทุนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับ SME ไทยในยุคที่โลกธุรกิจเปลี่ยนเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน ภาครัฐจึงต้องเดินหน้า “ช่วยแบบครบวงจร” ทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี ความรู้ และการสร้างตลาดใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้จริงในทุกมิติ







