'ส.อ.ท.-ธปท.' ถก 3 วาระร้อน 'บาทแข็ง-หนี้ SME-การค้าโลก' 21 ต.ค.นี้

ส.อ.ท. - ธปท.ผนึกกำลัง! ถก 3 วาระร้อน ดันอุตสาหกรรมไทยฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก จับตา! การหารือระดับสูงเพื่อหาทางออกรับมือภาษีสหรัฐฯ-หนี้ SMEs-เงินบาทแข็งค่า
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า วันที่ 21 ตุลาคม 2568 นี้ ส.อ.ท. จะประชุมหารือร่วมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงรุกและกำหนดทิศทางการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการผนึกกำลังระหว่างภาคเอกชนและหน่วยงานกำกับดูแลการเงินระดับประเทศ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่กำลังเป็นภัยคุกคามต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ
โดยวาระสำคัญที่ต้องจับตา โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นหลักที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม
มาตรการรับมือผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ และสงครามการค้า (โดยนายนาวา จันทนสุรคน รองประธาน ส.อ.ท.) ที่จะโฟกัสในประเด็นผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากนโยบายการค้าที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ การหารือจะมุ่งเน้นการกำหนดมาตรการเชิงรุก เช่น การกระจายตลาดส่งออก, การเจรจาการค้า, และการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อลดผลกระทบ และแสวงหาโอกาสจากห่วงโซ่อุปทานที่ย้ายฐาน (Near-shoring)
มาตรการส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและแก้ปัญหาหนี้ ผู้ประกอบการ SMEs (โดยนานอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท.) ที่จะโฟกัสถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ SMEs ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดย ส.อ.ท. จะนำเสนอแนวทางเพื่อให้ ธปท. พิจารณามาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องเพิ่มเติม, การปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว, และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ให้กับ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ
ความกังวลต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่า (โดยนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท.) โเยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วและสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง กำลังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาคการส่งออกและท่องเที่ยว ส.อ.ท. จะเน้นย้ำถึงระดับอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม (ที่ผู้ประกอบการเสนอว่าควรอยู่ที่ระดับ 34-35 บาท/ดอลลาร์) และเรียกร้องให้ ธปท. เข้ามาดูแลเสถียรภาพค่าเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค
นายเกรียงไกร กล่าวว่า จะนำเสนอนโยบายการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมภายใต้กลยุทธ์ "4GO" อันประกอบด้วย GO Digital & AI, GO Innovation, GO Global, และ GO Green ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่มาตรฐานสากลและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ในขณะที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะแนะนำผู้บริหาร พร้อมนำเสนอนโยบายการเงินและการส่งเสริมเศรษฐกิจไทย ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมถึงมาตรการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน, การดูแลอัตราเงินเฟ้อ, และกลไกในการสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง







