บสย. โชว์ผลงาน 9 เดือน ยอดค้ำประกันสินเชื่อเกือบ 3 หมื่นล้านบาท
บสย. โชว์ผลงาน 9 เดือนสุดแกร่ง ค้ำประกันสินเชื่อเกือบ 3 หมื่นล้านบาท เตรียมปลดล็อกเกณฑ์ใหม่ ดึง Non-Bank ร่วมปลุกเศรษฐกิจปลายปี
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 ประสบความสำเร็จในการช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อย่างกว้างขวาง ด้วยยอดค้ำประกันรวมกว่า 29,695 ล้านบาท สามารถช่วยให้ SMEs ทั้งรายย่อยและขนาดกลางได้รับสินเชื่อรวมกว่า 37,285 ราย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงถึง 84% สะท้อนความสำเร็จของกลไกค้ำประกันที่ช่วยให้กลุ่มอาชีพอิสระและผู้ที่ขาดหลักทรัพย์สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น
โดยการดำเนินการของ บสย. ผ่าน 2 โครงการหลัก ได้แก่ 1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อที่เป็นมาตรการรัฐ ในสัดส่วน 54% คิดเป็นยอดค้ำประกัน 15,984 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 33,625 ราย และ 2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อดำเนินการโดย บสย. ในสัดส่วน 46% คิดเป็นยอดค้ำประกัน 13,711 ล้านบาท สามารถช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 3,875 ราย
โดยในส่วนของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย SMEs ยั่งยืน” วงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการค้ำกันสินเชื่อที่เน้นช่วย SMEs ลดภาระทางการเงิน โดย ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2-4 ปีแรก ปีต่อไปชำระค่าธรรมเนียมตามวงเงินคงเหลือเพียง 1.5-1.75% ต่อปี ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือน ก.ค. 2567 จนถึง 30 ก.ย. 2568 มียอดค้ำประกันรวม 44,517 ล้านบาท และสามารถช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากกว่า 62,703 ราย
สำหรับประเภทธุรกิจที่ขอค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ภาคบริการ (32.6%), ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (10%) และภาคเกษตรกรรม (7.9%) ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ผู้ประกอบการต่างเร่งลงทุนเพื่อรองรับกำลังซื้อในช่วงปลายปี
"สัดส่วนของกลุ่ม Micro SMEs ที่เข้าถึงสินเชื่อผ่าน บสย. สูงถึง 84% เป็นเครื่องยืนยันว่ากลไกของเราสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการฐานรากและกลุ่มเปราะบางที่เคยเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบได้จริง" นายสิทธิกรกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล "Quick Big Win" ในการเติมสภาพคล่องให้ SMEs อย่างเร่งด่วน บสย. เตรียมออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อโครงการใหม่ เพื่อเป็นมาตรการพิเศษกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนสำหรับช่วงเทศกาลไฮซีซันปลายปี
ซึ่งถือเป็น “มาตรการพิเศษ” ที่มุ่งกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อในรายที่ต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติม แต่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นการลดความเสี่ยงด้าน Credit Cost ให้กับ SMEs และเพิ่มโอกาสด้านเครดิต เพื่อลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) และทำให้สถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นในการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มให้กับ SMEs มากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในไตรมาสล่าสุด คือการปรับแก้ประกาศกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2568 ทำให้ บสย. สามารถขยายการค้ำประกันสินเชื่อไปยังผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งกลุ่ม "นาโนไฟแนนซ์" และ "ลีสซิ่ง" ซึ่งถือเป็นการปลดล็อกครั้งใหญ่ที่จะช่วยให้ SMEs มีช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายและง่ายดายกว่าเดิม โดย บสย. พร้อมเริ่มค้ำประกันสินเชื่อให้กลุ่ม Non-Bank ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
นอกจากการเติมทุนใหม่ บสย. ยังประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาหนี้เดิม ผ่านโครงการ "บสย. พร้อมช่วย" ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2565 สามารถช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ไปแล้วกว่า 22,481 ราย โดยเฉพาะในปีนี้ที่สามารถช่วยให้ลูกหนี้ "ปลดหนี้" ปิดบัญชีได้สำเร็จถึง 547 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังได้ออกมาตรการ "สีฟ้า" เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่มีหนี้เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท โดยลดเงินต้นให้ถึง 50%