‘ธรรมนัส’ ลั่นเอาจริง ทำสงคราม “ปลาหมอคางดำ” จับทำปุ๋ยหมัก

ธรรมนัส ประกาศสงคราม ล้างบางปลาหมอคางดำอีกรอบ เป้าทำปุ๋ยหมัก วางขายทุกสหกรณ์ ขณะเร่งนำเรือออกนอกระบบ เดินหน้าปลดล็อกกฎหมาย IUU ช่วยชาวประมงทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในการลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ว่า เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ปลาหมอคางดำ พร้อมทั้งติดตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบและรับฟังปัญหาจากเกษตรกรและชาวประมงในพื้นที่ โดยโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ เป็นเรื่องที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องชาวประมง ซึ่งตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว และก็เป็นรัฐมนตรีจาก พรรคกล้าธรรม ในขณะนั้นที่ของบประมาณกลางจากรัฐบาลประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาช่วยพวกเราให้สามารถออกนอกระบบได้อย่างเป็นรูปธรรม สําหรับพี่น้องชาวประมงที่ยังมีปัญหาติดข้อระเบียบ ตนกําลังจะแก้ให้
ส่วนการแก้ไข ปัญหาปลาหมอคางดำ คนที่จุดประเด็นเรื่องนี้ก็คือตัวผมเอง เพราะมันทำให้พี่น้องชาวประมงเดือดร้อนมันขยายพันธุ์ไว และตายยาก แต่ก็หามาตรการจัดการอย่างต่อเนื่อง แม้จะจัดการได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ จะไม่ยอมแพ้ ต้องปราบให้ได้ ต้องทำให้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะใช้เวลากี่วันกี่ปี จากนี้จะนำปลาหมอคางดำมาหมักเป็นปุ๋ย เพราะให้ธาตุอาหารแก่พืช ทั้งไนโตรเจน แคลเซียม และโพแทสเซียม ช่วยให้ต้นไม้เติบโตดีขึ้น
โดยพรุ่งนี้(14 ตุลาคม)จะมีการประชุมประธานสหกรณ์ทั่วประเทศไทยที่เมืองทองธานี เพื่อวางแนวทางลดต้นทุนการผลิต ทั้งพืชไร่ พืชสวน และสหกรณ์จะต้องเป็นแหล่งจําหน่าย ปัจจัยการผลิต และจัดหาช่องทางจำหน่าย รวมถึงส่งเสริมการเป็นตลาดและสถาบันรองรับสินค้าการเกษตรที่ผลิตจากชุมชน เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาหมอคางดำโดยในช่วงที่ตนหายไปหนึ่งปีการปราบปรามอาจจะไม่เข้มข้น อย่างที่เคยทํา แต่วันนี้กลับมาประกาศสงครามกับปลาหมอคางดำอย่างเอาจริงเอาจังอีกรอบหนึ่ง
สำหรับการปราบปรามสินค้าภาคการเกษตรผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้ามาในประเทศ เป็นนโยบายหลัก หากมีการลักลอบเข้ามา ก็ต้องจับกุมทันที และไทยมีเรือลาดตระเวนตลอดเวลา ดังนั้น อะไรที่มันผิดกฎหมาย อย่าทํา อย่าลักลอบเข้ามา มันเป็นการเอาเปรียบกัน
ส่วนจังหวัดสมุทรสงครามมีผลไม้เศรษฐกิจสำคัญอย่าง ลิ้นจี่ ส้มโอ และมะพร้าวอ่อน ซึ่งต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยจะตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนสินค้าการเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อผลักดันการวิจัย ปรับปรุงคุณภาพ และขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดยุโรปที่ให้ความสนใจ สินค้าไทย เช่น ลิ้นจี่ ส้มโอ และเครื่องปรุงอาหารจากไทย ตนในฐานะที่กำกับดูแลหลายกระทรวง จะประสานกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งเปิดตลาดใหม่ให้เกษตรกร โดยเราต้องช่วยกันทำ ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องเห็นผลในปีนี้
“ขอยืนยันกับพี่น้องชาวสมุทรสงครามว่า สิ่งที่ผมเคยให้นโยบายไว้จะเดินหน้าต่อให้ถึงที่สุด ตลอดช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ผลักดันการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดของ ไอยูยู (IUU Fishing) ซึ่งสร้างผลกระทบต่อชาวประมงไทย แลพดำเนินการแก้กฎหมายไปแล้ว 29 ฉบับ และตอนนี้ พ.ร.บ.หลัก ก็ผ่านกระบวนการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว และระหว่างรอประกาศใช้กฎหมายฉบับใหม่ ผมได้มอบหมายให้เร่งจัดทำกฎหมายลูกรองรับ ให้พร้อมบังคับใช้โดยเร็ว“ร.อ.ธรรมนัส กล่าว







