ส่งออกทองไปกัมพูชาพุ่ง 6.8 หมื่นล้าน กกร. หวั่นธุรกิจสีเทา จี้รัฐบาลตรวจสอบ

ส่อพิรุธ! ส่งออกทองไปกัมพูชาพุ่ง 6.8 หมื่นล้าน ดันบาทแข็งโป๊ก กกร. หวั่นพันธุรกิจสีเทา จี้รัฐบาลใหม่เร่งตรวจสอบ
จากข้อมูลล่าสุดที่น่าตกใจ การส่งออกทองคำของไทยไปยังกัมพูชาในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม - กรกฎาคม) พุ่งสูงถึง 2,149 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 68,000 ล้านบาท ส่งผลให้กัมพูชากลายเป็นจุดหมายการส่งออกทองคำอันดับ 2 ของไทย
รองจากสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งที่ปกติแล้วเป็นประเทศขนาดเล็กที่มีเศรษฐกิจไม่ใหญ่นัก การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้สร้างข้อสงสัย และนำไปสู่การตั้งคำถามถึงเบื้องหลังของปรากฏการณ์นี้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และผิดปกติ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้พิจารณาและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างจริงจัง
นายเกรียงไกร กล่าวว่า การส่งออกทองคำจำนวนมหาศาลนี้ทำให้เงินตราต่างประเทศไหลเข้าสู่ประเทศอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น และทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เพิ่งลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตามหลักแล้วจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
โดยประเด็นที่น่ากังวลที่สุดคือ การที่กัมพูชาเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่อง "สแกมเมอร์" หรือแก๊งคอลเซนเตอร์ ค่อนข้างมาก ทำให้ กกร. เกรงว่าการส่งออกทองคำที่พุ่งสูงผิดปกตินี้อาจเกี่ยวข้องกับ ธุรกิจสีเทาหรือเศรษฐกิจใต้ดิน ที่ใช้ทองคำเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน แม้จะยังไม่มีการยืนยัน 100% แต่ กกร. มองว่านี่คือ หนึ่งในปัจจัยที่ไม่คาดคิด และอยู่นอกระบบเศรษฐกิจที่ต้องเร่งตรวจสอบโดยด่วน
อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น กกร. ได้ยื่นข้อเสนอเร่งด่วนไปยังรัฐบาลชุดใหม่ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้เร่งแยกมูลค่าการค้าทองคำออกจากการคำนวณมูลค่าการส่งออกโดยรวม เพื่อให้เห็นภาพที่แท้จริงของการส่งออกสินค้าอื่นๆ และเพื่อประเมินความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ ธปท. เข้าไปดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทให้มีความเหมาะสม และไม่ผันผวนรุนแรงจนเกินไป เพราะการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนค่าผิดปกติจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ทั้งภาคการส่งออก เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว
การส่งออกทองคำที่พุ่งสูงผิดปกติไปยังกัมพูชาได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา เนื่องจากมันไม่เพียงแต่ส่งผลต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเท่านั้น แต่ยังจุดประกายความกังวลว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน กกร. จึงหวังว่ารัฐบาลใหม่จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และเร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อปกป้องเศรษฐกิจไทยจากความเสี่ยงที่มองไม่เห็นในอนาคตอันใกล้นี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







