ความสามารถการแข่งขันอาเซียนในภูมิทัศน์โลกที่เปลี่ยนแปลง | ASEAN Insight

ความสามารถการแข่งขันอาเซียนในภูมิทัศน์โลกที่เปลี่ยนแปลง | ASEAN Insight

การจัดอันดับ IMD World Competitiveness Ranking ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดขีดความสามารถในการแข่งขันของ 69 ประเทศทั่วโลก พบว่าอาเซียนมีการปรับตัวที่น่าสนใจ ขณะที่ไทยอยู่อันดับที่ 30 ร่วงจากอันดับที่ 25 ในปีที่แล้ว

สภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการเติบโตและความยั่งยืน ช่วยดึงดูดการลงทุน สร้างงาน และยกระดับคุณภาพชีวิต ประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงสามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง รักษาความได้เปรียบ และรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถาบันการพัฒนาการจัดการนานาชาติ (IMD) ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับ IMD World Competitiveness Ranking ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญที่สะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของ 69 ประเทศทั่วโลก โดยประเมินจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ สมรรถนะทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพภาครัฐ ประสิทธิภาพภาคธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน ผลการจัดอันดับปีนี้แสดงให้เห็นถึงภูมิทัศน์การแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของประสิทธิภาพภาครัฐในการสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจในระยะยาว

สำหรับปี 2568 สวิตเซอร์แลนด์กลับขึ้นมาครองอันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง ตามมาด้วยสิงคโปร์ที่อยู่ในอันดับ 2 และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ในอันดับ 3 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก การศึกษาที่มีคุณภาพ และธรรมาภิบาลทางดิจิทัลที่โดดเด่น

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวที่น่าสนใจ โดยมีทั้งประเทศที่ก้าวหน้าอย่างโดดเด่นและประเทศที่เผชิญกับความท้าทาย เช่น มาเลเซีย ซึ่งถือเป็นดาวเด่นของอาเซียนในปีนี้ โดยปรับขึ้นถึง 11 อันดับ มาอยู่อันดับที่ 23 ของโลก การก้าวกระโดดครั้งใหญ่นี้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าอย่างมากในด้านธรรมาภิบาลดิจิทัล นโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน

ในทางตรงกันข้าม อินโดนีเซีย เผชิญกับความท้าทายอย่างมาก โดยอยู่อันดับที่ 40 ของโลก ถือเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดในภูมิภาค ซึ่งแม้ว่าอินโดนีเซียจะมีความแข็งแกร่งในด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจและประสิทธิภาพภาคธุรกิจ แต่ยังคงมีจุดอ่อนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 57 และประสิทธิภาพภาครัฐที่ยังต้องปรับปรุง

สำหรับประเทศไทย อยู่อันดับที่ 30 ของโลก ตกจากอันดับ 25 ในปีที่แล้ว โดยพบว่ามีผลงานที่ลดลงในทุกปัจจัยหลัก ทั้งสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพภาครัฐ ประสิทธิภาพภาคธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน การลดลงของอันดับนี้สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับการหยุดนิ่งของการพัฒนานวัตกรรม ความไม่แน่นอนของนโยบาย และแรงกดดันด้านโครงสร้างสังคมและประชากร

ผลการจัดอันดับในปี 2568 เน้นย้ำว่า “ประสิทธิภาพภาครัฐ” เป็นหัวใจสำคัญในการต่อสู้เศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยครอบคลุมถึงความคล่องตัว การมีส่วนร่วม และกรอบนโยบายที่มองไปข้างหน้า สำหรับประเทศในอาเซียนที่อันดับลดลง เช่น อินโดนีเซียและไทย ผลลัพธ์เหล่านี้เป็นสัญญาณที่ต้องให้ความสำคัญกับการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ความชัดเจนของกฎระเบียบ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง

ท่ามกลางการจัดระเบียบการค้าโลกใหม่ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศในกลุ่มอาเซียนต้องแปลงศักยภาพและความยืดหยุ่นให้เป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เพื่อกำหนดสถานะในเวทีโลก การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน การลงทุนดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาทุนมนุษย์ คือปัจจัยสำคัญให้อาเซียนเผชิญความท้าทายและคว้าโอกาสในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ