'สุริยะ' เข็นลงทุน 3.5 หมื่นล้าน สั่งเดินหน้าโครงการ 'แทรมภูเก็ต'

'สุริยะ' เข็นลงทุน 3.5 หมื่นล้าน สั่งเดินหน้าโครงการ 'แทรมภูเก็ต'

“สุริยะ” เข็นโครงการลงทุน “แทรมภูเก็ต” 3.5 หมื่นล้านบาท เกิดในรัฐบาลนี้ สั่ง รฟม.เร่งศึกษา-ทบทวนแบบให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ ผุดไอเดียสร้างทางลอด “คลองแห้ง” 5 จุด แก้ปัญหากระทบความแออัดช่องจราจรและเพิ่มความปลอดภัย คาดศึกษาจบภายใน 6 เดือน ก่อนเริ่มประมูล มี.ค.2570

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต โดยระบุว่า โครงการระบบขนส่งนี้กระทรวงฯ ยังมีนโยบายให้พัฒนาเป็นรถไฟรางเบา หรือแทรม ซึ่งปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างการศึกษาทบทวน และปรับรูปแบบการดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ที่มีช่องจราจรแคบ รวมถึงแนวเส้นทางโครงการที่เป็นจุดตัดระหว่างการจราจรบนทางหลวงกับระบบขนส่งมวลชนทางราง

โดย รฟม. จะใช้ระยะเวลาในการศึกษา 6 เดือน โดยตามเป้าหมายมีแผนจะเสนอไปยังคณะทำงาน และคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ในช่วงเดือน ต.ค. 2568 – มิ.ย.2569 ก่อนจะเสนอมายังกระทรวงคมนาคม, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.), คณะกรรมการร่วมทุนรัฐและเอกชน (PPP) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามลำดับในช่วงเดือน ก.ค. 2569 – ก.พ. 2570 จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเอกชนช่วงเดือน มี.ค. 2570 – ส.ค. 2571

อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ได้วางเป้าหมายจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือน ก.ย. 2571 และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในช่วงเดือน ธ.ค. 2574 ซึ่งการเริ่มก่อสร้างโครงการแทรม จังหวัดภูเก็ตนั้น ได้วางแผนให้สอดรับกับการดำเนินโครงการขยายถนนทางหลวงหมายเลข 402 (ทล. 402) และ ทล. 4027 ของกรมทางหลวง (ทล.) ให้แล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดในระหว่างการก่อสร้าง

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าโครงการแทรมจังหวัดภูเก็ต จะสามารถอนุมัติโครงการในยุคที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเป็นไปตามเป้าหมายข้างต้นอย่างแน่นอน เพื่อผลักดันให้ระบบขนส่งสายนี้เป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด อีกทั้งเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวที่เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างรายได้ในจังหวัดภูเก็ตด้วย

นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ตนยังได้ให้นโยบายในการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ โดยจะคิดค่าโดยสารที่มีอัตราแตกต่างกัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.ประชาชนในพื้นที่ จะมีค่าโดยสารที่ถูกลง ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ประชาชนมาใช้บริการเพิ่มขึ้น

2.นักท่องเที่ยว หรือประชาชนนอกพื้นที่ที่เดินทางมาจากสนามบินไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะใช้อัตราค่าโดยสารที่สูงกว่า เพื่อให้มีความสมเหตุสมผล และคุ้มค่าต่อการลงทุนโครงการ

สำหรับการปรับรูปแบบในบางช่วงของโครงการนั้น จากเดิมมีการออกแบบให้แทรมวิ่งขนานบนพื้นผิวจราจร แต่ด้วยในบางจุดมีความแออัด และมีช่องจราจรไม่มากนัก ซึ่งจะกระทบกับการสัญจรบนถนนทางหลวงของประชาชน ดังนั้น ในเบื้องต้นจึงได้มีการออกแบบการดำเนินงานบางส่วนในลักษณะคลองแห้ง (ทางลอด) โดยตัดผ่านแยกต่างๆ บนถนน ทล. 402 รอบนอกตัวเมืองภูเก็ต เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและส่งผลกระทบต่อการจราจรบนทางหลวงให้น้อยที่สุด

ทั้งนี้ อุโมงค์ทางลอด บนถนน ทล. 402 รอบนอกตัวเมืองภูเก็ตนั้น มีการออกแบบรวมทั้งหมด 5 จุด ประกอบด้วย 1.บริเวณก่อนถึงโรงเรียนเมืองถลาง ความยาวประมาณ 1.10 กิโลเมตร 2.บริเวณแยกมุดดอกขาว ความยาวประมาณ 1.30 กิโลเมตร 3.บริเวณผ่านเขตอำเภอถลาง ความยาวประมาณ 3.25 กิโลเมตร 4.บริเวณหน้าเทศบาลศรีสุนทร ความยาวประมาณ 1.10 กิโลเมตร และ 5.บริเวณแยกเกาะแก้ว - แยกบางคู ความยาวประมาณ 2.60 กิโลเมตร

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า โครงการระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) จังหวัดภูเก็ต ที่กระทรวงฯ จะเร่งผลักดันการลงทุนนั้น เป็นระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติ-ห้าแยกฉลอง ระยะทาง 41.7 กิโลเมตร โดยก่อนหน้านี้ รฟม. ประเมินวงเงินลงทุนราว 3.5 หมื่นล้านบาท โดยแนวเส้นทางโครงการ จะเริ่มจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ไปตามทางหลวงหมายเลข 4031 (แยกศาลาแดง-แยกหมากปรก)

หลังจากนั้นจะเชื่อมทางหลวงหมายเลข 4036 (แยกเหนือคลอง-แหลมกรวด) เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 402 (โคกกลอย-เมืองภูเก็ต) เพื่อเข้าเมืองภูเก็ต จากนั้นผ่านอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี และท้าวศรีสุนทร ข้ามสะพานสารสิน มุ่งหน้าสถานีปลายทางท่าเรือฉลอง