พาณิชย์เผยไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนไทย 3.5  หมื่นล้านบาท

พาณิชย์เผยไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนไทย 3.5  หมื่นล้านบาท

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย ไตรมาสแรกปี  67 ต่างชาติ ลงทุนไทย 35,902 ล้านบาทเพิ่ม 9 % จ้างงานคนไทย 849 ราย ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 19,006 ล้านบาท ตามด้วย สิงคโปร์ 3,294 ล้านบาท และฝรั่งเศส 3,236 ล้านบาท ขณะที่ลงทุนในอีอีซีจำนวน 56 ราย เพิ่ม 81% มูลค่าลงทุน 11,629 ล้านบาท เพิ่ม 256%

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.) อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 178 ราย เพิ่มขึ้น 2% โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 53 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ จำนวน 125 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 35,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จ้างงานคนไทย 849 คน ลดลง 56%
         
โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 40 ราย คิดเป็น 22% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 19,006 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์สำหรับโรงงานผลิตอะเซทีลีนแบล็ก ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนอุปกรณ์ใยแก้วนำแสง/ชิ้นส่วนรถยนต์/ชิ้นส่วนโลหะ) ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ

2.สิงคโปร์ 32 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 3,294 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยการให้ใช้ระบบฝากซื้อขายสินค้าและบริการ ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ ธุรกิจบริการที่ให้แก่บริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่ม (บริการทางบัญชี/บริการวางแผนการตลาดและส่งเสริมการขายสินค้า/บริการรับค้ำประกันหนี้) ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (แม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึด/ชิ้นส่วนยานพาหนะ/ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ)

พาณิชย์เผยไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนไทย 3.5  หมื่นล้านบาท

3.สหรัฐฯ 29 ราย คิดเป็น 16% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 1,048 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม ธุรกิจนายหน้าและตัวแทนในการจัดซื้อ จัดหา และจัดจำหน่ายสินค้า (เครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์/คอมพิวเตอร์/เครื่องประดับ) ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (อาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป/เครื่องจักรที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม) ธุรกิจบริการติดต่อประสานงาน บริหารจัดการ ให้คำปรึกษาแนะนำ และให้ข้อมูลในด้านต่างๆ เกี่ยวกับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (พวงมาลัยรถยนต์/DRUM BRAKE ASSEMBLY)

4.จีน 20 ราย คิดเป็น 11% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 2,886 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการที่ให้แก่บริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่ม (บริการให้เช่าพื้นที่อาคารโรงงาน) ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (แม่พิมพ์/ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม/สารแต่งกลิ่นและรสชาติ) ธุรกิจบริการตัดโลหะ (Coil Center) ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ ธุรกิจบริการให้ใช้ช่วงสิทธิแฟรนไชส์ (Franchising) เพื่อประกอบธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม
         
5.ฮ่องกง 11 ราย คิดเป็น 6% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,017 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (เครื่องฉีดขึ้นรูป) ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์/ ชิ้นส่วนประกอบที่ทำจากอลูมิเนียม) ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการด้านการจัดการร้านอาหารและคาเฟ่

“การเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้เครื่องตรวจวัดก๊าซ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับความรู้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ทางวิศวกรรม องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบบริหารจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะ เป็นต้น”นางอรมนกล่าว
         
สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ไตรมาสแรกของปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 56 ราย คิดเป็น 31% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 81% และมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 11,629 ล้านบาท คิดเป็น 32% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 256% เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 12 ราย ลงทุน 995 ล้านบาท จีน 12 ราย ลงทุน 924 ล้านบาท สิงคโปร์ 8 ราย ลงทุน 898 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 24 ราย ลงทุน 8,812 ล้านบาท

โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการออกแบบทางวิศวกรรมสำหรับระบบต่างๆ ภายในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบทำน้ำเย็น และระบบปรับอากาศ เป็นต้น ธุรกิจบริการตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจบริการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปทางด้านภาพ เสียงระบบนำร่อง และชิ้นส่วน/แม่พิมพ์ ชิ้นส่วนแม่พิมพ์ และชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูป/อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์) ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือให้บริการ เช่น ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เป็นต้น