ด่วน! กบน. ขึ้นราคาดีเซล 50 สตางค์ เป็น 30.94 บาทต่อลิตร มีผล 20 เม.ย.67

ด่วน! กบน. ขึ้นราคาดีเซล 50 สตางค์ เป็น 30.94 บาทต่อลิตร มีผล 20 เม.ย.67

กระทรวงพลังงาน โดยกบน. ปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร เป็น 30.94 บาทต่อลิตร มีผล 20 เม.ย.67 พร้อมห่วงสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นทันทีหลังมีการโจมตีเกิดขึ้น

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทของกระทรวงการคลัง และเพื่อเป็นการลดภาระให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล โดยจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรไปพลางก่อน โดยมีผลวันที่ 20 เม.ย. 2567 เป็น 30.94 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 30.44 บาทต่อลิตร

ทั้งนี้ อาจจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาเป็นแบบขั้นบันได เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบไปแล้วกว่า 103,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 56,407 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท

ปัจจุบันมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 4.77 บาทต่อลิตร หรือคิดเป็นเงินประมาณกว่า 8,000 ล้านบาทต่อเดือน หากไม่มีการชดเชย ราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อลิตร และหากปล่อยให้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในระดับเดิมต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้กองทุนฯ ติดหนี้เพิ่มมากขึ้นอาจจะกระทบกับวินัยการเงินและระดับความน่าเชื่อถือของกองทุนฯ ได้

“ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ได้ช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่เนื่องจากการชดเชยราคาน้ำมันที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องชดเชยราคาน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบกว่า 103,000 ล้านบาทแล้ว อีกทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่เริ่มประทุขึ้นอีกครั้งในวันนี้ อาจส่งผลทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น"

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะพยายามรักษาระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงภาระของประชาชนเป็นหลัก แต่ก็ต้องพิจารณาถึงภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปพร้อมกันด้วย และเตรียมหามาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า