“ภูมิธรรม” ถก รมว.พาณิชย์อังกฤษ ยกระดับหุ้นส่วนทางการค้า

“ภูมิธรรม” ถก รมว.พาณิชย์อังกฤษ ยกระดับหุ้นส่วนทางการค้า

“ภูมิธรรม”หารือรมว.พาณิชย์อังกฤษ กระชับความสัมพันธ์การค้า การลงทุน พร้อมเตรียมลงนาม MOU - ETP กลางปีนี้ ปูทางการทำเอฟทีเอ ไทย-อังกฤษ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังหารือร่วมกับ ลอร์ด โดมินิค จอห์นสัน (Lord Dominic Johnson of Lainston CBE) รัฐมนตรีด้านการลงทุน กระทรวงธุรกิจและการค้าสหราชอาณาจักร และนายมาร์ก กุดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ว่า การหารือในครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน  และยังได้หารือถึงความพร้อมในการลงนาม MOU ว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (Enhanced Trade Partnership: ETP)ในการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า (JETCO) ครั้งที่ 2 ซึ่งไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพในวันที่ 31 พ.ค. 2567 เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือเชิงนโยบายในสาขายุทธศาสตร์สำคัญที่ 2 ฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน เช่น เกษตร อาหาร และเครื่องดื่ม ดิจิทัล มาตรฐานสินค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสและอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน สอดรับการเป็นประเทศหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน

“การกระชับความสัมพันธ์เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อเปิดประตูการค้า ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายหวังว่า MOU ดังกล่าว รวมถึงแผนกิจกรรมความร่วมมือในแต่ละสาขาที่จะดำเนินการร่วมกันภายใต้ MOU ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้านี้ จะเป็นประโยชน์ในการช่วยสร้างความเข้าใจด้านกฎระเบียบ แก้ไขอุปสรรคทางการค้า เพิ่มมูลค่าการนำเข้าส่งออก พร้อมทั้งดึงดูดการลงทุนระหว่างกันได้มากขึ้น และจะเป็นพื้นฐานต่อยอดสู่การพิจารณาจัดทำ FTA ไทย – UK ในอนาคตได้”นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า สหราชอาณาจักรให้ความสนใจกับการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศของไทย โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาลที่จะช่วยเสริมสภาพคล่องและก่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในชุมชน ส่งเสริมการกระจายรายได้และพัฒนาผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย (MSMEs) ของประเทศ กระตุ้นการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการจ้างงาน นอกจากนี้ สองฝ่ายยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขและปรับปรุงข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคทางการค้าให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถและโอกาสทางธุรกิจของภาคเอกชนสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและขยายการลงทุนในประเทศ

ทั้งนี้ในปี 2566 สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับ 22 ของไทยในตลาดโลก มีมูลค่าการค้ารวม 6,740.61 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรมูลค่า 4,073.15 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ไก่แปรรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ และไทยนำเข้าจากสหราชอาณาจักร มูลค่า 2,667.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์