ไทยคิกออฟเปิดเจรจาเอฟทีเอไทย-เกาหลี ตั้งเป้าปิดดีลในสิ้นปี 68 หรือต้นปี 69

ไทยคิกออฟเปิดเจรจาเอฟทีเอไทย-เกาหลี  ตั้งเป้าปิดดีลในสิ้นปี 68 หรือต้นปี 69

“ภูมิธรรม” เป็นสักขีพยานลงนามจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement : EPA) ไทย–สาธารณรัฐเกาหลี เริ่มต้นเจราเอฟทีเอารอบแรกภายในกลางปี 2567 ตั้งเป้าเจรจาเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2568 หรือต้นปี 2569

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นสักขีพยานการลงนามจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement : EPA) ไทย–สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างนางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และนายคอนกี โร Deputy Minister for Trade Negotiation กระทรวงการค้าอุตสาหกรรมและพลังงาน ของสาธารณรัฐเกาหลี ว่า ถือเป็นการนับหนึ่งอย่างเป็นทางการในการเริ่มต้นการเจรจาความตกลงเอฟทีเอ ( FTA )ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี โดยสองฝ่ายคาดว่าจะเริ่มการเจรจารอบแรกภายในกลางปี 2567 และตั้งเป้าเจรจาเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2568 หรือต้นปี 2569 และยังเป็นการคิกออฟการเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าเป็นประเทศแรกภายใต้รัฐบาลชุดนี้ และในยุคที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ได้ให้ไว้ว่าจะเร่งเปิดตลาดการค้า การลงทุนให้กับไทย โดยใช้ FTA เป็นหัวหอก

สำหรับการจัดทำ EPA ซึ่งสาธารณรัฐเกาหลีจะใช้ชื่อนี้ในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับคู่เจรจา แต่จริง ๆ ก็คือ FTA โดยจะเป็นการต่อยอดจาก FTA ที่ไทยและสาธารณรัฐเกาหลีเป็นภาคีร่วมกัน ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และมั่นใจว่าการจัดทำความตกลงดังกล่าว จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย อีกทั้งยังช่วยดึงดูดการลงทุนจากสาธารณรัฐเกาหลีเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนและเทคโนโลยีสารสนเทศ และยังมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างการพัฒนาความร่วมมือใหม่ ๆ ที่ไทยและสาธารณรัฐเกาหลีมีความสนใจร่วมกัน อาทิ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในห่วงโซ่อุปทานการผลิต และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล

ไทยคิกออฟเปิดเจรจาเอฟทีเอไทย-เกาหลี  ตั้งเป้าปิดดีลในสิ้นปี 68 หรือต้นปี 69

ทั้งนี้ คาดว่าสินค้าที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากความตกลง EPA ไทย-สาธารณรัฐเกาหลี อาทิ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และประมง (อาทิ เนื้อไก่แช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป) ผลไม้เมืองร้อน (อาทิ มะม่วง ฝรั่ง และมังคุด) ผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ (อาทิ แป้ง ซอสและของปรุงรส) ผลิตภัณฑ์ไม้ (อาทิ ไม้แปรรูป พาติเคิลบอร์ด ไม้อัดพลายวูด) และเคมีภัณฑ์ ขณะที่สาขาบริการที่ไทยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้าบริการของสาธารณรัฐเกาหลี อาทิ บริการด้านธุรกิจ บริการการขนส่ง คลังสินค้า และบริการด้านโรงแรมและภัตตาคาร

นอกจากนี้ ตนยังได้รับแจ้งจากฝ่ายเกาหลีว่า ในวันเดียวกันนี้ ทางกระทรวง MOTIE ได้จัดงานประกาศยุทธศาสตร์นโยบายการค้าใหม่ของสาธารณรัฐเกาหลี โดยการจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับประเทศคู่เจรจาสำคัญ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพของสาธารณรัฐเกาหลี

“เกาหลีลงทุนในบ้านเราหลายหมื่นล้าน  อย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุง รถยนต์ KIA และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เขาก็สนใจอยากเปิดตลาดร่วมกับเรา ซึ่งเรายินดีต้อนรับ จะได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันให้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น และเกษตรกรไทยสนใจขยายตลาดไปเกาหลีเพิ่ม เช่น มังคุดและมะม่วง  นอกจากนี้เรายังมีแหล่งผลิตอาหารที่เป็นที่ต้องการ เช่น ไก่แช่แข็ง อาหารทะเลแช่แข็ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะพยายามทำให้ของเราส่งออกสินค้าให้มากที่สุด จะเป็นประโยชน์ร่วมกัน” นายภูมิธรรม กล่าว

ทั้งนี้ในปี 2566 สาธารณรัฐเกาหลีเป็นคู่ค้าอันดับ 12 ของไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 14,736.86 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปสาธารณรัฐเกาหลี 6,070.44 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และไทยนำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลี 8,666.42 ล้านดอลลาร์ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ