'สุรพงษ์' เร่งลงทุนรถไฟทางคู่สายอีสาน ดันเปิดบริการปี 2568

'สุรพงษ์' เร่งลงทุนรถไฟทางคู่สายอีสาน ดันเปิดบริการปี 2568

“สุรพงษ์” ลงพื้นที่ดันโครงการรถไฟความเร็วสูงอยุธยา และรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ เข็นลงทุน 29,968 ล้านบาท จ่อเสนอ ครม.เวนคืนที่ดินภายใน มี.ค.นี้ ปักธงเปิดให้บริการปี 2568

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสถานีอยุธยา พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ ณ สถานีรถไฟมวกเหล็กใหม่ สูงเนิน และโคกกรวด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางราง และอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี การลงพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และการติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการตามนโยบาย Quick Win “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางราง และอำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ผู้โดยสารให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ รถไฟทางสายใหม่ และรถไฟความเร็วสูง ให้เสร็จตามแผนที่กำหนด

สำหรับภาพรวมจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้เริ่มตรวจเยี่ยมตั้งแต่พื้นที่การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสถานีอยุธยา โดยรูปแบบโครงสร้างอาคารได้ยึดการดำเนินการตามผลการศึกษา การออกแบบรายละเอียด และมติคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นการสร้างทางรถไฟบนแนวเส้นทางเดิม ไม่ได้ทำการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน ตลอดจนโบราณสถานในพื้นที่ใกล้เคียง

\'สุรพงษ์\' เร่งลงทุนรถไฟทางคู่สายอีสาน ดันเปิดบริการปี 2568

อีกทั้งรูปแบบการก่อสร้างได้ยึดหลักอารยสถาปัตย์ ให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก และคำนึงถึงประโยชน์ในการให้บริการแก่พี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันภาพรวมการก่อสร้างโครงการมีคืบหน้าไปแล้วกว่า 31% ซึ่งการรถไฟฯ ได้เร่งรัดติดตามการก่อสร้าง รวมถึงแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงานที่วางไว้

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 135 กิโลเมตร จำนวน 20 สถานี ซึ่งเริ่มต้นก่อสร้างที่สถานีมาบกะเบา อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ผ่านพื้นที่ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน และมาสิ้นสุดโครงการที่สถานีชุมทางถนนจิระ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา วงเงินลงทุนประมาณ 29,968 ล้านบาท

โดยปัจจุบันภาพรวมการก่อสร้างช่วง มาบกะเบา – คลองขนานจิตร ด้านงานโยธาคืบหน้าไปแล้ว 95.768% ช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ 4.232% เนื่องจากอยู่ระหว่างการเวนคืนพื้นที่จากประชาชน พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟมวกเหล็กใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารและส่วนประกอบเพื่อรองรับโครงการรถไฟทางคู่ในเส้นทางดังกล่าว คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2568 ซึ่งมอบหมายให้การรถไฟฯ เร่งรัดดำเนินการในด้านต่างๆ ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนด

\'สุรพงษ์\' เร่งลงทุนรถไฟทางคู่สายอีสาน ดันเปิดบริการปี 2568

ขณะที่แนวทางการเปิดให้บริการรถไฟทางคู่ ช่วงบันไดม้าถึงคลองขนานจิตร อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง 29.70 กิโลเมตร โดยปัจจุบันภาพรวมการก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการออกหนังสือรับรองการแล้วเสร็จของงาน จึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมจึงมอบหมายให้การรถไฟฯ เร่งดำเนินการให้สามารถเปิดให้บริการทางคู่ช่วงดังกล่าวได้ภายในปลายปี 2567 เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

ในโอกาสนี้ การรถไฟฯ ได้รายงานชี้แจงการออกแบบหลังคาคลุมชานชาลารถไฟทางคู่ที่มีลักษณะสั้น ซึ่งตามรูปแบบโครงสร้างสะพาน จำเป็นจะต้องมีความสูงและมีระยะห่างจากรางรถไฟเพียงพอ เพื่อที่จะให้พ้นจากเขตโครงสร้างซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัยในการเดินรถ อีกทั้ง หัวรถจักรที่ใช้งานเป็นระบบรถดีเซลไฟฟ้า มีการปล่อยควัน ดังนั้น การออกแบบหลังคาต้องคำนึงถึงเรื่องการระบายอากาศจากควันรถเป็นสำคัญเพราะหากหลังคาคลุมชานชาลารถไฟมีลักษณะยาว อาจเป็นอุปสรรคของการทำงานกรณีหากเกิดเหตุบริเวณสถานีได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ จึงมอบนโยบายให้การรถไฟฯ ดำเนินการติดตั้งแผงกันแดดและฝนเพิ่มเติมในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ในเส้นทางต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ ผู้โดยสารยังสามารถรอขึ้นขบวนรถบริเวณชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสาร หรือภายในอาคารสถานี ซึ่งได้จัดที่นั่งไว้ให้บริการ และเมื่อขบวนรถใกล้ถึงสถานี ผู้โดยสารสามารถใช้ลิฟต์ หรือบันไดมายังชานชาลาเพื่อขึ้นขบวนรถได้อีกด้วย

\'สุรพงษ์\' เร่งลงทุนรถไฟทางคู่สายอีสาน ดันเปิดบริการปี 2568

นายสุรพงษ์ ยังมอบนโยบายให้การรถไฟฯ เร่งรัดแก้ไขปัญหาชุมชนโดยรอบทางรถไฟ ในพื้นที่สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 3 ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 110 แปลง โดยให้ใช้วิธีเจรจาปรองดองเกี่ยวกับพื้นที่เพื่อใช้ก่อสร้าง และจ่ายเงินค่าทดแทนสำหรับผู้ถูกเวนคืนอย่างเหมาะสม เป็นธรรม ซึ่งความคืบหน้าขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะได้รับอนุมัติดำเนินการในเดือน มี.ค. 2567 และสามารถจ่ายเงินค่าเวนคืนได้ในเดือน พ.ค. – ต.ค.2567

ส่วนสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร – ชุมทางถนนจิระ จะมีการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนใหม่ ตามพระราชบัญญัติ 2562 โดยการรถไฟฯ ได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเขตพื้นที่โครงการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 แล้ว โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว

“มีความมั่นใจว่าโครงการพัฒนารถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ จะมีความพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568 ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายสุรพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย