'เศรษฐา' พร้อมคุยผู้ว่า 'แบงก์ชาติ' อีกรอบ ย้ำจำเป็นต้องลดดอกเบี้ย0.25%

'เศรษฐา' พร้อมคุยผู้ว่า 'แบงก์ชาติ' อีกรอบ ย้ำจำเป็นต้องลดดอกเบี้ย0.25%

"เศรษฐา" พร้อมคุย "เศรษฐพุฒิ" อีกรอบย้ำความจำเป็นต้องลดดอกเบี้ย ชี้ที่ผู้ว่าแบงก์ชาติพูดมาไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชน

วันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 11.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ     นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ สื่อต่างประเทศยืนยันจะไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ยลดอัตราดอกเบี้ยว่า ได้ยินมาเหมือนกันก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่หน้าที่ของตนเองคือการอธิบายให้ฟังถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน  ความเป็นอิสระและความที่เราไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง  แต่ก็เชื่อว่าตนและผู้ว่า ธปท. มีความสำคัญและให้เกียรติซึ่งกันและกัน

นายกฯ กล่าวยืนยันว่าตนเองมีเหตุและผล ส่วนที่บอกว่า 3 ข้อเศรษฐกิจไทยไปไม่ได้ เรื่องของปิโตรเลียม เรื่องนักท่องเที่ยวจีน และเรื่องจับจ่ายใช้สอยที่งบประมาณยังไม่ลงมา เรื่องตนเองเชื่อว่ามีการพูดคุยกันอยู่แล้ว

โดยให้จีนนำเข้าสินค้าไทยเพิ่มมากขึ้น ให้นักท่องเที่ยวจีนมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องค่าเดินทางแพงนายสุริยะฯ ก็กำลังทำให้ค่าเดินทางถูกลง ทำให้มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น สามารถจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากยิ่งขึ้น และในส่วนของงบประมาณทุกคนทราบกันดีว่า เราใช้นโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งตอนแรกคาดว่าจะใช้ได้เดือนพฤษภาคม แต่มีความเป็นไปได้มากว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ในเดือนเมษายน เรื่องนี้ทุกฝ่ายก็พยามทำกันอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนรัฐบาลได้ส่งสัญญาณไปแล้วถึงสามครั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนเองก็จะทำครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้าต่อไป วันนี้เราอยู่ในสังคมที่เจริญและพัฒนาแล้ว มีความเห็นต่างก็พูดคุยกันได้ ไม่ได้มีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีบรรยากาศที่ไม่ได้ทำงานร่วมกัน  แม้วันนี้จะยังไม่ได้รับการตอบรับก็ยังต้องคุยต่อไป  และพยายามต่อไปใช้เหตุและผล  ตัวเลขการชี้นำของเศรษฐกิจต่าง ๆ ก็บ่งบอกอะไรหลาย ๆ อย่าง

“ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผู้ว่าแบงก์ชาติพูดออกมา 3 ข้อ ไม่มีเรื่องประชาชนเลย อยากให้ท่านกลับไปคิดว่าวันนี้ประชาชนเดือดร้อนเราช่วยกันได้ เรื่องลดดอกเบี้ยก็คงต้องพูดคุยจะครั้งที่ 4 หรือครั้งที่ 5 ก็ต้องพูดต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตัวเลข 2.5% ยังมีรูมเหลืออีกตั้งเยอะแยะ ถ้าเกิดมีวิกฤตอะไรเกิดขึ้น 2.5% ไม่ได้เป็นอะไรที่ จะทำให้ไม่สามารถ เคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ได้ รองผู้ว่า ธปท. ก็เคยมาคุยและอธิบายให้ผมฟัง ว่าถ้าเราอัตราดอกเบี้ยลงไป คนที่มีเงินฝากธนาคารอยู่ ก็จะไปดูในเรื่องของสินทรัพย์เสี่ยง ที่มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น เพื่อหารีเทิร์นที่สูงขึ้น คนที่พูดถึงคือคนที่อยู่ท้อปด้านบน แต่วันนี้เราพูดถึงคนที่อยู่ฐานรากมากกว่า ก็อยากให้ท่านคำนึงถึงพี่น้องประชาชนในมิติอื่น ๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าผู้ว่าฯ ธปท. เคยพูดตรง ๆ ถึงเหตุผลหรือไม่ถึงความเห็นต่าง  นายกฯ กล่าวว่า ก็อธิบายและพูดคุยกันไป เป็นเรื่องที่ตนเองคุยกับท่าน ซึ่งต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ผู้ว่า ธปท. บอกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด จะส่งผลต่อภาวะหนี้ครัวเรือน นายกฯ กล่าวว่า หนี้ครัวเรือนปัจจุบันก็สูงอยู่แล้ว  และก็ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แล้วดอกเบี้ยค้างจ่ายไปอยู่ที่ไหน ก็ไปอยู่ที่หนี้ ซึ่งหนี้ครัวเรือนก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก

ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่าจำเป็นต้องจับเข่าคุยแบบจริงจังกับผู้ว่าฯธปท. อีกครั้งหรือไม่ เนื่องจากนโยบายการเงินและการคลังไม่สอดคล้องกัน นายกฯ กล่าวว่า ก็คงเป็นในลักษณะนั้น  ส่วนจะนัดเมื่อไหร่ขอให้ถึงเวลาอันสมควร