NEX ชี้ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไตรมาส 4 ยังบวก เตรียมส่งมอบรถเมล์กว่า 1 พันคัน

NEX ชี้ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไตรมาส 4 ยังบวก เตรียมส่งมอบรถเมล์กว่า 1 พันคัน

NEX ประเมินไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ตลาดยานยนต์ไฟฟ้ายังเป็นบวก ชี้ดีมานด์พุ่งทั้งไทยและอาเซียน จ่อส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้ากว่า 1,000 คัน

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 66.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 732% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 7.95 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการประกอบธุรกิจในงวดไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 1,249.51 ล้านบาท ลดลง 9%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 1,378.97 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลดลงของธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำนวน 143.25 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจำหน่ายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โดยส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายรถบรรทุกไฟฟ้ามากกว่ารถโดยสารรถไฟฟ้า และรายได้จากการขายของรถบรรทุกไฟฟ้ามีมูลค่าที่ต่ำกว่ารถโดยสารไฟฟ้า ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มกิจการลดลง 

ขณะที่กำไรขั้นต้นในงวดไตรมาส 3/66 มีจำนวน 151.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 93.68 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โดยมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจำนวน 46.44 ล้านบาท ธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ในไตรมาส 3/66 มีผลกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน จำนวน 119.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.44 ล้านบาท หรือ 64% ส่วนใหญ่มาจากการขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,291 คัน ส่วนธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และระบบซอฟท์แวร์ ในไตรมาส 3/66 มีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานจำนวน 38.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.09 ล้านบาท หรือ 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 

นายคณิสสร์ กล่าวด้วยว่า ธุรกิจให้บริการขนส่ง ในไตรมาส 3/66 มีผลขาดทุนขั้นต้นจากการดำเนินงานจำนวน 5.79 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนจำนวน 4.63 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 44% เนื่องจากการบริหารจัดการภายในที่ดีขึ้น และมีการลดต้นทุนจากการดำเนินการในบางส่วน เช่น ต้นทุนจากการเดินรถ ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 4/2566 บริษัทเชื่อมั่นว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะจะมีการส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้าให้ BYD อีกกว่า 1,000 คัน นอกจากนี้ที่ผ่านมามีลูกค้าจากตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ให้ความสนใจขอเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้า และคาดว่าน่าจะทยอยมีคำสั่งซื้อภายในไตรมาส 4/66