รมช.พาณิชย์ ดัน SMEs สร้างมูลค่าการตลาด 40% ของจีดีพีให้ได้ในปี 67

รมช.พาณิชย์ ดัน SMEs สร้างมูลค่าการตลาด 40% ของจีดีพีให้ได้ในปี 67

“นภินทร “ มอบนโยบายกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เน้น 3 Quick Win ติดอาวุธธุรกิจให้มีช่องทางเติบโต พร้อมผลักดัน SMEs ไทย เปิดโอกาสทางการค้า ตั้งเป้า สร้างมูลค่าทางการตลาดให้ได้ 40% ของจีดีพี ภายในปี 2570

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมมอบนโยบาย การดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า  ได้มอบภารกิจเร่งด่วน (Quick Win) ที่กระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจโดยตรง และเกิดผลลัพธ์ได้รวดเร็วใน 3 ด้านคือ 1. จัดงานแสดงสินค้า และบริการให้กลุ่มธุรกิจ SMEs เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า เชื่อมโยงเครือข่าย สร้างความรู้ในการทำธุรกิจพร้อมกับสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้ธุรกิจมีสายพานเดินต่อไปได้ โดยจะดำเนินการจัดกิจกรรมทั้งในส่วนกลาง และภูมิภาค โดยมีกำหนดจัดงานต้นปี 2567 นอกจากนี้ จะเร่งภาคการค้าของ SMEs ไทย ให้สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดให้ได้ 40% ของ GDP ประเทศ ภายในปี 2570

 

โดยจะเน้นเดินหน้าสร้างรายได้ และขยายโอกาสทางธุรกิจด้วยการ ‘ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์’ และ ธุรกิจ SMEs ที่เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการค้าขายในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยในปี 2567 จะจัดโครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพ Roadshow 2024 เพื่อพาแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาแล้วไปออกงานพบปะลูกค้า รวมถึงการขายแฟรนไชส์ในราคาพิเศษแก่ผู้ที่ต้องการสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปพร้อมกันทั่วประเทศ และผลักดันให้ SME และประชาชนที่สนใจทำธุรกิจสามารถเข้าถึงระบบ ‘DBD e-Learning’ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ธุรกิจด้วยตนเอง พร้อมย้ำให้กรมฯ คอยติดตามพัฒนาหัวข้อวิชาให้มีความทันสมัยตอบโจทย์การทำธุรกิจในอนาคต เพื่อให้ DBD e-Learning เป็นแหล่งเรียนรู้ และเพื่อนคู่คิดให้กับ SME ในการพัฒนาทักษะด้านการประกอบธุรกิจอย่างมืออาชีพ

2.การพัฒนาเทคโนโลยีระบบจดทะเบียนนิติบุคคล แม้ว่าขณะนี้ กรมฯ ได้เปิดให้บริการระบบจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์ควบคู่กับการให้บริการแบบ Walk-in ไปหลายระบบแล้ว ในส่วนต่อไปขอให้เร่งรัดเปิดให้บริการระบบจดทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัดทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-PCL ที่สมบูรณ์ ทั้งระบบ ซึ่งการใช้งานผ่านทางออนไลน์จะลดระยะเวลาจดทะเบียนเหลือเพียง 1 ชั่วโมง และลดการใช้กระดาษและการเดินทางที่เป็นต้นทุนของธุรกิจได้ 100% อย่างไรก็ดี ในส่วนของการรองรับการให้บริการข้อมูลดิจิทัลในอนาคต ขอให้วางแผนพัฒนาระบบ e- Form เพื่อให้บริการออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยมีความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ และประชาชนที่ใช้บริการให้มีความคล่องตัว พร้อมทั้งรองรับ และเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

3.การยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมของหอการค้า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ รวมถึงประชาชนไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมในการขอตรวจ หรือคัด และรับรองเอกสารอีกต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอให้ ครม.พิจารณา

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์