กกร. จับมือ TMA เสริมแกร่งเพิ่มขีดความสามารถ SMEs ยืนได้ในระดับสากล

กกร. จับมือ TMA เสริมแกร่งเพิ่มขีดความสามารถ SMEs ยืนได้ในระดับสากล

กกร. Kick Off โปรเจค FAST SMEs “Enhancing SMEs Capability for Competitiveness” สร้างต้นแบบ SMEs ภาคเกษตรสู่ความเข้มแข็งและยั่งยืน ตั้งเป้าดันอันดับ Competitiveness ไทยดีขึ้นต่อเนื่อง

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) พร้อมด้วย นายนิธิ ภัทรโชค ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) และคณะผู้บริหาร เปิดตัวโครงการ FAST SMEs “Enhancing SMEs Capability for Competitiveness” เพื่อยกระดับศักยภาพ SMEs ในกลุ่มต้นแบบนำร่องให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ณ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย

นายสนั่น กล่าวว่า  ปีนี้สถาบัน IMD จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยดีขึ้นจากปีที่แล้ว 3 อันดับ โดยอยู่ในอันดับที่ 30 จาก 64 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก และเป็นที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย แต่ในภาพรวมการพัฒนา SMEs ไทยยังมี Pain Point ที่เป็นอุปสรรคในการแข่งขัน อาทิ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนโอกาสขยายช่องทางการตลาด ขณะที่ SMEs เป็นผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนมากที่สุดของประเทศ จึงจำเป็นต้องเร่งยกระดับศักยภาพและสร้างเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ดีขึ้นในอนาคต

กกร. จับมือ TMA เสริมแกร่งเพิ่มขีดความสามารถ SMEs ยืนได้ในระดับสากล

ดังนั้น กกร. กับ TMA จึงได้จับมือร่วมลงนาม MOU จุดประกายโครงการยกระดับ SMEs ขึ้น ภายใต้โครงการ FAST SMEs “Enhancing SMEs Capability for Competitiveness โดยนำร่องคัดเลือก SMEs กลุ่มเกษตรและอาหาร จำนวน 10 ราย เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านกระบวนการอบรม Coach Mentor กิจกรรมการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ การศึกษาดูงานต้นแบบการจัดการธุรกิจด้านนวัตกรรมอาหารที่ประสบความสำเร็จ

ตลอดจนการประเมินและติดตามผลความก้าวหน้าของธุรกิจแต่ละราย โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นในว่ากลุ่ม SMEs ต้นแบบดังกล่าวจะสามารถต่อยอดธุรกิจไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อขยายผลไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ในอนาคตต่อไป

นายนิธิ ภัทรโชค ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) กล่าวว่า ในฐานะที่ TMA เป็น Partner Institute ของ IMD World Competitiveness Center ที่สวิตเซอร์แลนด์ มาเป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งหน่วยงานหลักในโครงการนำร่องนี้ เพื่อมุ่งพัฒนา ส่งเสริม และเพิ่มขีดความสามารถ SMEs ไทย ให้สามารถเพิ่มศักยภาพในการผลิตและประสิทธิภาพ (Productivity and Efficiency) ได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในประเด็นดังกล่าวพัฒนาขึ้นได้ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า ในเบื้องต้น เรามีบริษัทใหญ่หลายแห่งในอุตสาหกรรมเกษตรอาหารเล็งเห็นถึงเจตนารมณ์นี้ และได้ร่วมกันสนับสนุนโดยการส่ง SMEs ที่อยู่ใน Value Chain ของบริษัทมาเข้าร่วมโครงการนำร่องต่อจากนี้ไปอีก 1 ปี

โดยเรามี SMEs ที่มาจากทั่วประเทศ ได้มีโอกาสในการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมการพัฒนาต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งการอบรมให้ความรู้ที่ทันสมัย การเร่งรัดให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลิตภาพ และการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างเกิดประสิทธิผล โดยโครงการฯ คาดหวังว่าจะส่งผลต่อให้ระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทยดีขึ้น