แบงก์กรุงเทพดันสาขาฮ่องกง 'เกตเวย์' จีน - อาเซียน

ธนาคารกรุงเทพวางยุทธศาสตร์สาขาฮ่องกงสู่ ‘เกตเวย์ จีน - อาเซียน’ โชว์จุดแข็งประสบการณ์เกือบ 70 ปี – เครือข่ายสาขาแข็งแกร่ง ตอบรับเศรษฐกิจฟื้นตัว ชูธงธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาคพร้อมเปิดประตูการค้าเอเชียตะวันออก

Senior Vice President และผู้จัดการทั่วไป สาขาฮ่องกง ธนาคารกรุงเทพ สุทธิชัย จิวัฒน์ธนากุล ระบุ ว่า ธนาคารได้กำหนดยุทธศาสตร์การเติบโตสำหรับสาขาฮ่องกง ให้เป็นเกตเวย์ที่ช่วยเชื่อมต่อภาคธุรกิจ และการลงทุนจากต่างประเทศที่ต้องการเข้าสู่ประเทศจีน โดยใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลาง ควบคู่กับกลุ่มธุรกิจจากจีนที่ต้องการเปิดตลาดการลงทุนเข้าสู่ประเทศไทย และรวมถึงการเชื่อมต่อไปสู่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เพื่อตอบรับกับจังหวะของเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังข้ามผ่านวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการ และนักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกำลังการผลิต และโอกาสเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจให้แข็งแรงยิ่งขึ้นในระยะยาว

ฮ่องกงถือเป็นประตูที่สำคัญของธุรกิจที่ต้องการเข้าสู่การลงทุนในประเทศจีน และเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่รัฐบาลจีนได้ประกาศพื้นที่เศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า หรือ GBA (Greater Bay Area) ที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 11 เมืองสำคัญ จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจมากสำหรับการค้า และการลงทุน ที่สำคัญฮ่องกงยังถูกวางยุทธศาสตร์ให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการเงินเนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินหลายด้านที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ เช่น ระบบการทำธุรกรรมการเงิน สำนักงานกฎหมาย สำนักงานบัญชี ทั้งยังเป็นตลาดการค้าเงินสกุลหยวนนอกประเทศ (Offshore RMB) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้น นักลงทุนจึงมักเลือกใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจ และการเงินที่ใช้เชื่อมต่อกับบริษัทย่อยหรือโรงงานที่ทำหน้าที่ด้านการผลิตที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน และเป็นโอกาสที่สำคัญของธนาคารกรุงเทพ สาขาฮ่องกง เช่นกัน

ทั้งนี้ เศรษฐกิจของฮ่องกงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาตั้งแต่ปี 2562 ที่เกิดปัญหาการประท้วงรัฐบาลและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักอย่างภาคบริการ การท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่เมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลายตัวลง ล่าสุดสัญญาณการเติบโตเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเศรษฐกิจในปี 2565 เติบโต 2.3% และคาดว่าปีนี้จะขยายตัวได้ 4-5% อัตราเงินเฟ้อประมาณ 2%

นอกจากการเป็นเกตเวย์สู่การลงทุนในประเทศจีนแล้ว ธนาคารกรุงเทพ สาขาฮ่องกง ยังมีความพร้อมสำหรับธุรกิจจากจีนที่ต้องการเข้ามาลงทุนประเทศไทย รวมถึงกลุ่มประเทศต่างๆ ในอาเซียนเช่นกัน ขณะนี้ 2 กลุ่มธุรกิจที่เห็นได้ชัดเจนถึงการกระจายกำลังการผลิตเข้าสู่ประเทศไทยคือ กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV (Electronic Vehicle) ซึ่งเติบโตขึ้นประมาณ 20-30% จากปีก่อนหน้า และกลุ่มธุรกิจที่มีเงินทุนขนาดใหญ่ที่เป็นบริษัทในลักษณะ Holding Company มีการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น China Resources และ China Merchants เป็นต้น

ตลาดประเทศไทย ยังคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายการลงทุนที่สำคัญของนักลงทุนจากจีน แม้จะเห็นการลงทุนที่เติบโตขึ้นมากในเวียดนาม แต่จะยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมในภาคการผลิตที่ต้องใช้แรงงานสูง เช่น สิ่งทอ แต่ประเทศไทยน่าจะเป็นเป้าหมายสำหรับอุตสาหกรรมในกลุ่มที่ต้องใช้เทคโนโลยี มีความทันสมัย และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ภาครัฐพยายามส่งเสริม ขณะที่สถานการณ์ด้านการเมืองซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้น เชื่อว่าภาคเอกชนสามารถปรับตัวได้ เพราะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาตลอด แต่สิ่งสำคัญคือ ขอให้มีนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจนและต่อเนื่อง เช่น นโยบาย Thailand 4.0 และโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้นักลงทุนเห็นภาพที่ชัดเจน และตัดสินใจสำหรับอนาคตต่อไปได้

ด้วยนโยบาย Belt and Road Initiative ของทางการจีนที่ต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงตลาดการค้าระหว่างจีน และประเทศต่างๆ ขณะเดียวกันปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีน และสหรัฐ จึงเป็นข้อจำกัดด้านการไปลงทุนในฝั่งตะวันตก บวกกับความน่าสนใจของตลาดอาเซียนที่เป็นทั้งตลาดแรงงาน และตลาดการค้าที่มีฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ จึงเชื่อมั่นว่าปริมาณเงินลงทุนจากจีนจะยังคงไหลเข้าสู่อาเซียนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารกรุงเทพในฐานะธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค มีศักยภาพสูงมากที่จะคว้าโอกาสจากทิศทางดังกล่าว ด้วยเครือข่ายธุรกิจ และสาขาที่ครอบคลุม 9 จาก 10 ประเทศอาเซียน โดยเฉพาะฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ซึ่งตลาดหลัก มีธนาคารเพอร์มาตาที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารกรุงเทพสำหรับรุกตลาดอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับตลาดสำคัญอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนามที่มีเครือข่ายสาขาและประสานงานกันใกล้ชิดตลอด

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์