‘BOI’ เผยผลสำรวจเอกชน ต้องการแรงงาน รับการลงทุนใหม่ใน ‘EEC’
การลงทุนในพื้นที่อีอีซี ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวกว่า 84% นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน
รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 2566 มีจำนวน 128 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 28% รวมมูลค่าเงินลงทุน 101,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 84% โดยส่วนมากเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน
โดยเมื่อแบ่งเป็นการลงทุนรายจังหวัด พบว่าจังหวัดชลบุรีมีโครงการลงทุนมากที่สุด จำนวน 70 โครงการ เงินลงทุน 81,232 ล้านบาท รองลงมาคือ จังหวัดระยองมี 41 โครงการ เงินลงทุน18,653 ล้านบาท และจังหวัดฉะเชิงเทราอยู่ที่ 17 โครงการ เงินลงทุน 1,218 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทที่ทำเรื่องขอรับส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่เดือนม.ค.-มี.ค. 2566 จำนวน 86 โครงการได้แจ้งความต้องการแรงงานไปยังบีโอไอให้จัดหากำลังคนที่จะเข้ามาทำงานในโรงงานเปิดใหม่ในหลายสาขาวิชาชีพ รวมทั้งสิ้น 5,585 คน โดยเป็นแรงงานที่จบการศึกษา ระดับป.6-ม.6 มากที่สุด จำนวน 2,970 คน ระดับปริญญาตรี 842 คน ระดับปวช.-ปวศ. 829 คน และอื่นๆ อีก944 คน
ขณะที่เมื่อแบ่งตามอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงานมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 2,136 คน ยานยนต์และชิ้นส่วน 1,032 คน เกษตรและอาหารแปรรูป 142 คนอากาศยาน 114 คน การแพทย์ 92 คน เทคโนโลยีชีวภาพ 46 คน และอื่นๆ 1,996 คน