กรมปศุสัตว์ ฝังทำลายเนื้อกระบือเถื่อนกว่า 110 ตัน

กรมปศุสัตว์  ฝังทำลายเนื้อกระบือเถื่อนกว่า 110 ตัน

กรมปศุสัตว์ ฝังทำลายกระบือของกลางลักลอบนำเข้ากว่า 110 ตัน ณ ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ย้ำนโยบายป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์อย่างเข้มงวด หากพบ จับอย่างเดียว

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีฝังทำลายเนื้อกระบือของกลางลักลอบนำเข้า ณ ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยระบุว่า ได้มอบนโยบายให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติงานบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำเข้าเนื้อกระบือและโคอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือและโคเนื้อเนื่องจากการลักลอบนำเข้าเนื้อกระบือและโค จะทำลายกลไกราคาภายในประเทศ

ทั้งยังอาจเป็นพาหะของโรคระบาดสัตว์ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อระบบการเลี้ยงกระบือและโคเนื้อของประเทศไทยอย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคเนื่องจากเนื้อกระบือและเนื้อโคที่ลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอาจมีเชื้อโรคและสารตกค้างที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค  

  

สำหรับการฝังทำลายเนื้อกระบือของกลางในวันนี้ มีจำนวนมากถึง 110,079 กิโลกรัม มูลค่ารวม 14,529,665 บาท พร้อมย้ำว่า ได้กำชับกรมปศุสัตว์ให้เข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์และสัตว์มีชีวิตอย่างต่อเนื่อง 

 

กรมปศุสัตว์  ฝังทำลายเนื้อกระบือเถื่อนกว่า 110 ตัน กรมปศุสัตว์  ฝังทำลายเนื้อกระบือเถื่อนกว่า 110 ตัน

 

“การจับเนื้อเถื่อน เป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งการดำเนินการในวันนี้ เกิดจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกต้อง ทั้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ตำรวจ กรมศุลกากร การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นบ่อนทำลายประเทศ ทั้งเนื้อไก่ ขาไก่ เนื้อสุกร เนื้อโค เนื้อกระบือ ที่มีการลักลอบนำเข้ามา เป็นบ่อนทำลายเสถียรภาพด้านราคา มาตรฐาน คุณภาพ สุขภาพร่างกาย ความเจ็บป่วยของผู้บริโภค หากตรวจพบให้จับอย่างเดียว แล้วดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ต้องมาเคลียร์ จะไม่ยอมให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

โดยให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไป และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ฝากถึงผู้บริโภค ต้องเลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพและขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจได้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะปกป้องอาชีพของเกษตรกรและคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคอย่างเต็มที่” 

  

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ในการฝังทำลายเนื้อกระบือ 110,079 กิโลกรัมในวันนี้ ต้องใช้รถบรรทุกสิบล้อดัมพ์ 11 คัน รถกระบะคอก 4 คัน เพื่อขนส่งเนื้อกระบือลักลอบมาฝังทำลาย โดยใช้รถแบคโฮขุดหลุมและฝังกลบ 2 คัน รวมทั้งพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคซึ่งวิธีการฝังทำลายเนื้อกระบือของกลางลักลอบนำเข้า เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (World Organization for Animal Health หรือ WOAH) ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมในการทำลายซากและของเสียจากสัตว์ปริมาณมากที่สามารถทำได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

  

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กรมปศุสัตว์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมศุลกากร ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกรณีการลักลอบนำเข้าซากกระบือและซากโค (เนื้อ เครื่องใน และชิ้นส่วน) จำนวนทั้งสิ้น 88 ครั้ง น้ำหนักรวม 354,147 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 53.2 ล้านบาท  

  

สำหรับการดำเนินการกับซากกระบือและซากโคของกลางแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่หนึ่งได้ทำลายไปแล้วจำนวน 244,068 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 38.7 ล้านบาท ส่วนที่สองได้รวบรวมเพื่อทำลายในวันนี้ 110,079 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 14.5 ล้านบาท โดยแหล่งผลิตของเนื้อกระบือของกลาง ส่วนใหญ่มาจากประเทศอินเดีย