กกพ.ส่งสัญญาณ 'ลด' ค่าไฟ 20 สต./หน่วย!!

จากการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ในเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ มีแนวโน้มว่าจะลดลงได้ไม่ต่ำกว่า 20 สตางค์ (สต.) ต่อหน่วยจากปัจจุบัน ค่าไฟเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.70 บาท ต่อหน่วย

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ โฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า จากการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ในเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ มีแนวโน้มว่าจะลดลงได้ไม่ต่ำกว่า 20 สตางค์ (สต.) ต่อหน่วยจากปัจจุบัน ค่าไฟเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.70 บาท ต่อหน่วย แต่จะลดได้มากกว่านี้อีกหรือไม่อย่างไร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) กกพ.ที่จะสรุปขั้นสุดท้ายภายในเดือน ก.ค.นี้ ก่อนเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนต่อไป

“ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าไฟฟ้าปรับลดลง มาจากราคาก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่ลดลง ขณะเดียวกัน ค่าไฟฟ้าดังกล่าวได้ผนวกรวมการใช้หนี้คืนให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวม 20,000 ล้านบาทต่องวด จากการที่ กฟผ.รับภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าให้แก่ระบบ เพื่อชะลอการกระชากขึ้นของค่าไฟฟ้าในงวดที่ผ่านๆมารวม 130,000 ล้านบาทไปก่อนหน้านี้แล้ว”

สำหรับข้อมูลประมาณการคำนวณค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 ที่ กกพ.ได้รับจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยราคาแอลเอ็นจีตลาดจร เฉลี่ยอยู่ที่ 13.295 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านบีทียู ทำให้ราคาที่นำมาเป็นราคาคำนวณรวมระหว่างก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย, เมียนมา และราคาแอลเอ็นจีจะอยู่ที่ 343 บาทต่อล้านบีทียู ขณะที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณ (จี1/61) มีการผลิตในปริมาณที่เพิ่มขึ้น คาดว่าเดือน ก.ค.นี้ จะมีกำลังผลิตที่ 400 ล้านลูกบาศก์ (ลบ.) ฟุตต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 200 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน และในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 588 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน นอกจากนี้ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย มีปริมาณหน่วยเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยว และต้องพิจารณาถึงค่าเงินบาทด้วย โดยการอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 34.79 บาท/เหรียญฯ มีผลอาจทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น