"สนธิรัตน์" ลั่น พปชร.พร้อมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชูนโยบายเพิ่มขีดแข่งขันประเทศ

"สนธิรัตน์" ลั่น พปชร.พร้อมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชูนโยบายเพิ่มขีดแข่งขันประเทศ

“สนธิรัตน” ประกาศนโยบายเร่งด่วนหาก “พปชร” จัดตั้งรัฐบาล เร่งยกระดับขีดแข่งขันประเทศ บูมเขตเศรษฐกิจ 4 ภาค เดินหน้าอีอีซี เล็งเพิ่มรายได้ภาคเกษตร ชูแพลตฟอร์มฟาร์มทูเทเบิล สร้างรายได้ภาคเกษตรอย่างยั่งยืน  

          

วันนี้ (30 มี.ค.) ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมเวทีตอบคำถามจากภาคธุรกิจ พร้อมนำเสนอนโยบาย ในงานเสวนา “มุมมองของภาคธุรกิจต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศ” ซึ่งจัดขึ้นโดยหอการค้าไทย โดยมีตัวแทนภาคธุรกิจ เอกชน ทั่วประเทศ และตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วม

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าหลังการเลือกตั้งทันทีที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีสิ่งแรกที่จะทำในเรื่องของเศรษฐกิจคือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยตกลงมาในอันดับต่ำที่สุดคืออยู่ที่ 33 จากที่ปี 2562 อยู่ที่อันดับที่ 25 จึงต้องมีการแก้ไขในส่วนนี้ โดยเฉพาะการแก้อันดับประสิทธิภาพของภาครัฐซึ่งตกลงไป 11 อันดับ และเรื่องของเศรษฐกิจตกไป 13 อันดับ ซึ่งฉุดให้ความสามารถของภาคธุรกิจตกลงไป 9 อันดับ


   

ดังนั้นนโยบายที่พรรคจะทำทันทีคือการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยทำใน 3 เรื่องคือ

1.มิติความยั่งยืน โดยการนำโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นกรอบของการผลักดันนโยบาย ควบคู่มิติใหม่คือ ESG เพราะเศรษฐกิจของประเทศมีทั้งมิติของกลไกส่งออก และการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลัก

 ทั้ง 2 กรอบนี้จะเป็นตัวประคับประคองในการทำทิศทาง รวมถึงภาคการเกษตร ต้องยก Smart Agriculture ขึ้นมา เพื่อให้เราเป็นฐานใหญ่เรื่องความสามารถในการแข่งขันภาคเกษตรของโลก

2. ส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์ และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องจักรสำคัญสุดของรัฐบาลใหม่ โดยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ สร้างรายได้ให้กับประเทศ ไม่เน้นแค่เพียงปริมาณ แต่ต้องรวมถึงเชิงคุณภาพด้วย อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวที่ดีจำเป็นต้องเชื่อมโยงซอฟท์พาวเวอร์และเศรษฐกิจฐานราก อาทิ ชอฟท์พาวเวอร์สายศรัทธา อาหาร เป็นต้น

และ 3. ต่อยอดโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) ให้เกิดประสิทธิภาพ และบรรลุผลตามที่เริ่มไว้ โดยเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกเฉียงเหนือ ใต้ ตะวันตก และเหนือ เพื่อเป็นเครื่องจักรใหม่ในการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของประเทศ เพราะอีอีซีไม่เพียงยกระดับอุตสาหกรรม แต่จะดึงดูดการลงทุน นักลงทุนเข้ามาในประเทศ

 “ทันทีที่พรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่เป็นบุคคลที่พาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อขับเคลื่อนสังคม เศรษฐกิจของประเทศ ให้ก้าวข้ามผ่านทุกวิกฤต พรรคพลังประชารัฐมีความพร้อมไม่เพียงแค่นโยบาย แต่ยังพร้อมด้วยบุคคลากรที่มีประสบการณ์ในการบริหารบ้านเมือง และมีความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่จะเข้ามาทำงานให้กับพี่น้องประชาชน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ในช่วงการตอบคำถาม นายสนธิรัตน์ ได้ตอบคำถามในประเด็นการส่งเสริมภาคธุรกิจเกษตร และอาหาร เรื่องนโยบายหรือแผนงานเกี่ยวกับการสร้างมูลค่าเพิ่ม และประสิทธิภาพการแข่งขันด้านการเกษตร และอาหารของประเทศไทยในเวทีโลก ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของประเทศ แต่ปัญหาคือภาคเกษตรมีแรงงานเกี่ยวข้องมาก แต่ยังขายสินค้าเป็นชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐพยายามยกระดับ และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ยังต้องแก้ไขเรื่องการบริหารให้สอดรับกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสร้างมูลค่า และยั่งยืน นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ การนำสินค้าเกษตรไปสู่แนวคิดครัวโลก ต้องมีการเปลี่ยนมิติ มีแพลตฟอร์มด้านอาหาร และสินค้าเกษตรในระดับโลกที่เป็นของเราเอง อย่าง From Farm to Table ที่เป็นจุดแข็ง เพื่อนำสินค้าเกษตรไปสู่ระดับโลก และสอดรับกับซอฟท์พาวเวอร์การท่องเที่ยวของประเทศไทย

 

อย่างไรก็ตาม สินค้าเกษตรไม่เพียงแค่เรื่องอาหาร แต่ยังรวมถึงเรื่องพลังงาน คือการเปลี่ยนพืชเศรษฐกิจเป็นไบโอเจ็ท ทั้งหมดนี้หากพรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นรัฐบาลจะขับเคลื่อนต่อไป นอกจากนี้ ควรใช้โอกาสในการเป็นประเทศเกษตรกรรม ดำเนินการเรื่องคาร์บอนเครดิต เพื่อเป็นอีกช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้ประเทศ