หลังฉากทีมศก.รวมไทยสร้างชาติ นายแบงก์ –  CEO – เทคโนแครต  แบ็คอัพ ‘ประยุทธ์’  

หลังฉากทีมศก.รวมไทยสร้างชาติ  นายแบงก์ –  CEO – เทคโนแครต  แบ็คอัพ ‘ประยุทธ์’  

เปิดสเป็ก "ทีมแบ็คอัพ" ประยุทธ์ วางนโยบายเศรษฐกิจรวมไทยสร้างชาติ เผยนายแบงก์ CEO เทคโนแครต อดีตข้าราชการระดับสูง อดีตรัฐมนตรีผู้คิดนโยบายสำคัญช่วยวางนโยบาย "ธนกร" ยกคนเคยทำงานกับพล.อ.ประยุทธ์ล้วนเต็มใจมาช่วยงานเพราะเห็นถึงความตั้งใจจริง

โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะถึงในวันที่ 14 พ.ค.66 เป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งขันกันทั้งนโยบาย และตัวบุคคล นอกจากแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคมีการเปิดรายชื่อออกมาเป็นระยะ อีกส่วนคือการเปิดตัวหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และทีมเศรษฐกิจออกมาให้ประชาชนเห็นถึงชื่อ ประวัติ และประสบการณ์เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าแต่ละพรรคจะมีการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่

 อย่างไรก็ตามนอกจากทีมเศรษฐกิจที่มีการออกหน้าออกตา เปิดตัวเปิดชื่อ อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรค แทบทุกพรรคการเมืองมีทีมเศรษฐกิจที่อยู่ข้างหลัง หรือ “ทีมแบ็คอัพ” เบื้องหลังการทำงาน เป็นทีมที่ช่วยคิดนโยบาย ให้ข้อเสนอแนะว่านโยบายเศรษฐกิจที่ควรออกมาสู่สายตาประชาชน และควรผลักดันเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศ

 โดยพรรคการเมืองหนึ่งที่มีทีมแบ็คอัพนโยบายเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งคือพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ที่เป็นพรรคการเมืองที่มีเป้าหมายจัดตั้งรัฐบาล หนุนส่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ของพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ทำต่ออีก 2 ปี “ธนกร วังบุญคงชนะ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สายตรงคนใกล้ชิดพล.อ.ประยุทธ์ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 3 ของพรรค บอกว่าการที่พรรคเปิดตัวทีมเศรษฐกิจออกมาแล้วมีคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานระดับประเทศมาหลายคนก็บอกได้ว่าทีมเศรษฐกิจของพรรคนั้นไม่ได้น้อยหน้ากับพรรคไหน ถือว่าตัวบุคคลสู้ได้ทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอย่าง ม.ล.ชโยทิต  กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย และที่ปรึกษานายกฯ ที่มีประสบการณ์ในวาณิชธนกิจระดับโลกอย่างเจพีมอร์แกน  และยังมีสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่เป็นคนที่ผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

และยังมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษานโยบายพรรค  จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ ดูแลกลุ่มคนเปราะบางและผู้สูงวัย อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลนโยบายภาคเกษตร และสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่จะดูแลนโยบายด้านแรงงาน

  หลังฉากทีมศก.รวมไทยสร้างชาติ  นายแบงก์ –  CEO – เทคโนแครต  แบ็คอัพ ‘ประยุทธ์’              

เมื่อถามว่าคนที่เข้ามาช่วยงานในทีมเศรษฐกิจของพรรคยังมีคนอื่นๆที่คอยสนับสนุน และช่วยจัดทำนโยบายอีกหรือไม่ “ธนกร” ยอมรับว่ามีอีกหลายคนที่เข้ามาช่วยงานด้านเศรษฐกิจ ให้คำแนะนำเรื่องนโยบายแต่เนื่องจาก “ท่าน” เหล่านี้ประสงค์ที่จะอยู่เบื้องหลัง โดยไม่เปิดหน้าออกสื่อ จึงขอบอกแค่ว่าคนที่เข้ามาช่วยพล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยทำงานกับพล.อ.ประยุทธ์ในตำแหน่งสำคัญๆ เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้วยังอาสาเข้ามาช่วยงานพล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มใจ

"สเป็กของคนที่มาช่วยงานก็มีทั้งผู้บริหารธนาคาร อดีตรัฐมนตรีผู้คิดนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ อดีตข้าราชการระดับสูงที่เกษียณอายุแล้วไปนั่งบริหารงานในบอร์ดบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้งอดีตข้าราชการระดับหัวหน้าหน่วยราชการที่เป็นหน่วยงานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ"

ธนกร ยังกล่าวต่อไปด้วยว่าเนื่องจากมีที่ปรึกษาที่เป็นตัวจริงเสียงจริงของแต่ละเรื่องทำให้เวลาพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีปราศรัยนั้นไม่เคยพูดนโยบายอะไรที่เป็นไปไม่ได้จริง อย่างเรื่องที่พูดเรื่อง “บัตรสวัสดิการพลัส” ที่จะเพิ่มเงินให้เป็น 1,000 บาทต่อเดือนนั้นนพล.อ.ประยุทธ์ก็พูดบนพื้นฐานของข้อมูลเรื่องงบประมาณที่มีการดูข้อมูลจากที่ปรึกษาด้านงบประมาณมาแล้ว ไม่ได้พูดแบบเลื่อนลอย

“คนที่เข้ามาช่วยท่านนายกฯในงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ โดยที่ช่วยงานอยู่ข้างหลังนั้นมีมาก แล้วแต่ละคนก็มีความรู้ ประสบการณ์ในด้านเศรษฐกิจมาก มีทั้งคนที่เป็นนายแบงก์  อดีตรัฐมนตรี อดีตข้าราชการระดับสูงระดับผู้อำนวยการสำนัก อดีตปลัดกระทรวง หรือ CEO ของบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้ามาช่วยทำงานให้ข้อเสนอแนะในเรื่องของนโยบายเศรษฐกิจ เป็นคนที่เข้ามาช่วยงานอย่างเต็มใจเพราะส่วนใหญ่ที่เคยทำงานกับท่านนายกฯก็จะเข้าใจเห็นถึงความตั้งใจจริงของท่านจึงอาสาเข้ามาช่วยงานแต่มีข้อจำกัดที่เปิดเผยตัวออกหน้าไม่ได้” ธนกร กล่าว

ก็ต้องดูว่าในที่สุดแล้วทีมแบ็คอัพของพล.อ.ประยุทธ์ที่คอยขับเคลื่อนเสนอนโยบายเศรษฐกิจให้พรรครวมไทยสร้างชาติอยู่เบื้องหลังจะสมหวังในการสานฝันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ “ทำต่อ” ตามสโลแกนพรรค “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” หรือว่าในที่สุดต้อง “พอ” เท่านี้