“สารัชถ์-ชัชชาติ” ชูนโยบายความโปร่งใส สร้างเมือง-ธุรกิจ เติบโตยั่งยืน

“สารัชถ์-ชัชชาติ” ชูนโยบายความโปร่งใส สร้างเมือง-ธุรกิจ เติบโตยั่งยืน

“สารัชถ์-ชัชชาติ” ชูนโยบายความโปร่งใส สร้างเมือง-ธุรกิจ เติบโตอย่างยั่งยืน แนะรัฐแก้กฎหมายธุรกิจดูดต่างชาติลงทุนในไทย-ดันธุรกิจไทยโตระดับโลก

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน “INTANIA DINNER TALK 2022” จัดโดยสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวข้อ “ความยั่งยืน 3 มุมมอง Survive or Sustain” ว่า ปัจจุบันบริษัทใหญ่ ๆ ต่างพูดถึงความยั่งยืนในธุรกิจ การมีความมั่นคงสูงต้องไม่มีอะไรผิดปกติ ซึ่ง กัลฟ์เองได้ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งพบว่ามีปัญหาเยอะมากเช่นกัน

ที่งนี้ กัลฟ์ได้พยายามปรับตัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างธุรกิจพลังงานมองว่าในสมัยก่อนเรื่องของพลังงานเป็นธุรกิจที่น่าเบื่อ อยู่ไปวัน ๆ แต่ปัจจุบันสิ่งที่เกิดขึ้นจะต่อยอดการเติบโตอย่างไร จากประสบการณ์ทำงานเมื่อได้สัมผัสกับนักธุรกิจต่างขาติเยอะ พบว่า ธุรกิจคนไทยเป็นเพียงมดเล็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ เท่านั้น การจะแข่งขันกับธุรกิจทั่วโลกนั้นยากมาก การจะโตอย่างปลอดภัยให้ได้ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ยังไม่มีบริษัทไทยเติบโตในระดับโลก มีเพียงการลงทุนในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้มีเงินดอลลาร์เพิ่มมากขึ้น แม้กระทั้งบริษัทระดับท็อป 5-10 ในไทย

"ช่วงโควิด-19 เราขยายธุรกิจหลายด้านเพื่อปรับตัวต่อความเสี่ยง เราขาย LNG ที่ราคา 2 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ซึ่งตอนนี้ราคาขึ้นไปถึง 40 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เพิ่มขึ้นถึง 20-30 เท่า ซึ่งเป็นปัจจัยจากการเกิดจากโควิด-19 สงครามรัสเซีย ยูเครน ซึ่งกระทบทุกภาคส่วนแม้แต่ผู้ผลิตพลังงานก็กระทบทางอ้อม จะมีแค่อเมริกาที่ไม่กระทบ ทั้งมีการขายอาวุธและพลังงาน เราเป็นเหมือนน้ำใต้ศอก เราจึงต้องหาโอกาสลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ให้ครอบคลุม ทั้งพลังงาน คริปโต และสื่อสาร เป็นต้น เพราะคิดว่าดาวเทียมเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน มีผลในเรื่องของดาต้า ซึ่งมีหลายส่วนเกี่ยวข้อง” 

อย่างไรก็ตาม ทุกกลุ่มธุรกิจในโลกปัจจุบัน ตอนจบก็ต้องมาสู่เรื่องของความโปร่งใสและความยั่งยืน นักลงทุนต่างชาติอยากมาลงทุนที่ประเทศไทย แต่มีปัญหาบางอย่างไม่เอื้ออำนวย ทั้งด้านความโปร่งใส ความรวดเร็ว ซึ่งกัลฟ์ไปลงทุนที่อเมริกาก็จะเจอกับขั้นตอนเยอะ แต่ต้องระวัง ส่วนเวียดนามจะลำบากเรื่องการเปลี่ยนใจ เมื่อลงทุนผิดพลาดจะเกิดความเสียหายมหาศาล และเสียชื่อเสียง

ทั้งนี้ สิ่งที่พบคือ ภาครัฐยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่เกื้อหนุนให้ธุรกิจไทยได้เติบโตระดับโลก จึงต้องไปตั้งบริษัทในสิงคโปร์เพื่อหลีกเลี่ยงด้านภาษีจะเห็นว่าเงินทุนต่าง ๆ ไปอยู่ที่สิงคโปร์เยอะ หากรัฐบาลไทยแก้ปัญหาตรงจุดนี้ให้ง่ายขึ้น ใคร ๆ ก็อยากมาลงุทนในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือการแก้กฎหมายให้ได้ก่อน ความไม่ยืดหยุ่นของธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ที่กระทบต่อความสามารถในการกู้เงินในประเทศไทย

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การทำชีวิตตัวเองให้มีความสุขนั้นไม่ยาก การจะบริหารเมืองเพื่อความยั่งยืน เป็นเรื่องที่พูดกันเยอะมาก บริษัทใหญ่ทำได้ง่าย ๆ แต่สิ่งที่เห็นคือ คนไทยชอบเบียดเบียน หัวใจสำคัญคือใครเป็นเจ้าของพื้นที่ไหนก็จะดูแลในส่วนของตนเอง จึงอยากให้มองว่า กทม. เป็นของทุกคน จึงต้องช่วยกันดูแล

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำคือความโปร่งใส ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ได้เห็นปัญหาต่าง ๆ มากมาย ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของงบประมาณ แต่สิ่งสำคัญคือความไว้ใจ ไม่ใช่มองว่ามีแต่เรื่องใต้โต๊ะ ดังนั้น ถ้าสร้างความไว้ใจได้ก็จะเกิดความยั่งยืน จึงต้องร่วมมือสร้างความเท่าเทียมและยุติธรรม 

“เราทำแพลตฟอร์มร้องเรียนปัญหาเมือง ถือเป็นหัวใจและสร้างความไว้วางใจได้ดี จากคำร้องที่ประชาชนส่งเรื่องร้องเรียนมาช่วงแรกถึง 20,000 เรื่อง ทำให้เกิดปัญหาแพลตฟอร์มล่ม และพบว่าขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนกว่า 1.9 แสนเรื่อง ถือว่าเป็นการร่วมมือร่วมใจมองเห็นปัญหาและเข้าไปแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ตรงจุด สามารถตรวจสอบได้ว่าเรื่องร้องเรียนอยู่ที่ไหน สามาถบอกถึงความไว้ใจกับกทม. ถือเป็นสิ่งอเมซิ่งมาก ประชาชนต้องการสิ่งที่ตอบโจทย์ไม่ได้ต้องการความหรูหราอะไรและเกิดความไว้ใจจะเป็นพลังให้เปลี่ยนประเทศได้” 

นอกจากนี้ จากข้อมูลพบว่า 52% ของเยาวชนไทยต้องการทำงานในต่างประเทศ ส่งผลให้ต่างประเทศแข่งกันออกวีซ่า ซึ่งหากเมืองไหนมีบทบาทสำคัญและสร้างเมืองให้น่าอยู่ก็จะดึงดูดคนได้ดีและสร้างเมืองให้คนเก่งทั่วโลกได้มาอยู่รวมกัน ขอเพียงแค่มีความโปร่งใส พยายามคิดในสิ่งใหม่ อัพเดทความเชื่อใหม่ และคิดให้ได้ก่อน จะทำให้ระบบประชาธิปไตยอยู่รอดอย่างยั่งยืน ตนจะทำอะไรก็จะนึกถึงเสมอว่ามีตราวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่บนหัวเสมอ