ส่งออก 7 เดือนแรก โตกระฉูด 11.5% กว่า 5.77 ล้านล้านบาท

จุรินทร์ ดันส่งออกพุ่ง 7 เดือนแรก ปีนี้ โต 11.5% กว่า 5.77 ล้านล้านบาท เป็นบวก 17 เดือนต่อเนื่อง ด้านค้าชายแดน-ผ่านแดน ยอด 7 เดือนแรก แตะ 6 แสนล้าน ปลื้ม! "ส่งออก" เป็นความหวังของชาติ

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศและการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนกรกฎาคมและ 7 เดือนแรกของปี 2565 พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายกีรติ รัชโน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถือว่าตัวเลขภาพรวมการส่งออกยังเป็นบวก เดือน ก.ค.65 + 4.3% ยอดส่งออกรวม 829,029 ล้านบาท ตัวเลข 7 เดือนแรกปีนี้ ตั้งแต่ ม.ค.-ก.ค. 65+11.5% ทำรายได้ให้ประเทศ 5,774,277 ล้านบาท สินค้าสำคัญ 3 หมวดประกอบด้วย 1.สินค้าเกษตร 2.สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรและ 3.สินค้าอุตสาหกรรม

โดยหมวดที่ 1 สินค้าเกษตร เดือน ก.ค.65 -0.3% มูลค่าส่งออก 82,082 ล้านบาท ที่ติดลบเพราะปีนี้ผลไม้ซึ่งเป็นตัวส่งออกสินค้าเกษตรหลักหมดฤดูเร็วกว่าหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่มีของส่งออก และตอนที่ผลไม้ออกเยอะช่วงเดือนก่อนหน้า กระทรวงพาณิชย์ประสบความสำเร็จร่วมกับเอกชนและเกษตรกรเร่งรัดการส่งออกผลไม้ไปตลาดจีนได้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง

สินค้าเกษตรสำคัญ เช่น 1.ผลไม้แช่แข็งและผลไม้แห้ง ก.ค. +94.3% มูลค่า 4,495 ล้านบาท โดยเฉพาะทุเรียนแช่แข็ง +126.2% ขยายตัวได้ดีในตลาดจีน ออสเตรเลียและไต้หวัน ลำไยแห้ง +7 เดือนต่อเนื่อง  ก.ค. +66.3% ขยายตัวได้ดีในตลาดจีนและมาเลเซีย 2.ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งและไก่แปรรูป +3 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +35.5% ทำเงินเข้าประเทศ 12,681 ล้านบาท 3.ข้าว ขยายตัว 6 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +21.5% ทำเงินเข้าประเทศ 10,173 ล้านบาท ขยายตัวดีในตลาดอิรัก โมซัมบิก ฟิลิปปินส์ เซเนกัลและญี่ปุ่น 4.ยางพารา ขยายตัว 3 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +12% ทำเงินให้ประเทศ 16,533 ล้านบาท ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และอินเดีย

หมวดที่ 2 สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร +17 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +38.1% ทำเงินเข้าประเทศ 72,517 ล้านบาทสินค้าสำคัญ เช่น น้ำตาลทราย ก.ค. +258.8% ทำเงินเข้าประเทศ 14,021 ล้านบาท ไอศครีมเป็นดาวรุ่งตัวใหม่ +26 เดือนต่อเนื่อง ก.ค.+ 34.2% มูลค่า 480 ล้านบาท  อาหารสัตว์เลี้ยง +35 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +25.4% ทำเงินเข้าประเทศ 8,466 ล้านบาท ผลไม้กระป๋องและแปรรูป +15 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +17.3% ทำเงิน 6,148 ล้านบาท อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป +6 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +16.4% ทำเงินเข้าประเทศ 11,442 ล้านบาท

หมวดที่ 3 สินค้าอุตสาหกรรม +17 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +0.1% ทำเงินเข้าประเทศ 630,844 ล้านบาท เพราะภาวะการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์หรือตัวชิป เป็นผลกระทบกับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมทั้งโลก กระทบจากไต้หวันซึ่งเป็นแหล่งผลิตใหญ่คลองตลาดประมาณ 40% ของโลกกำลังประสบปัญหากับจีน 
สินค้าสำคัญเช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ก.ค. +34.6% ทำเงินเข้าประเทศ 13,579 ล้านบาท เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ก.ค.+25.5% ทำเงิน 19,585 ล้านบาท ขยายตัวดีในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไต้หวันและอินเดีย ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม ก.ค. +21.4% ทำเงินเข้าประเทศ 9,632 ล้านบาท อัญมณีและเครื่องประดับ +17 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +19.1% เป็นเงิน 21,151 ล้านบาท เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว +11 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +13.6% ทำเงินเข้าประเทศ 9,894 ล้านบาท  เครื่องนุ่งห่ม +17 เดือนต่อเนื่อง ก.ค. +10.7% ทำเงิน 7,138 ล้านบาท ขยายตัวดีในตลาด สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เยอรมนี ออสเตรเลียและเนเธอร์แลนด์

ตลาดที่ขยายตัวดี 10 อันดับแรกในเดือนกรกฎาคม 65 1. เกาหลีใต้ (+39.4%) 2.ตะวันออกกลาง (+27.4%) 3.แคนาดา (+27.3%) 4.CLMV See  (+24.2%) 5.อาเซียน(5) (+21.3%) 6.เอเชียใต้ (+21.1%) 7.ทวีปออสเตรเลีย (+20%) 8.สหรัฐราชอาณาจักร (+17.2%) 9.สหภาพยุโรป (+8.1%) และ10.สหรัฐอเมริกา (+4.7%)

ที่เป็นปัจจัยบวกในการเกื้อหนุนการส่งออกที่ผ่านมา ประกอบด้วย 4 ปัจจัย
1.ความต้องการอาหารจากทั่วโลกยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้สินค้าเกษตรอาหารยังไปได้ในการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกเติบโตได้ดี

2.การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและการผ่อนคลายประเทศให้มีการท่องเที่ยวทำให้สินค้าบางส่วน เช่น อัญมณีเครื่องประดับ เครื่องสำอาง สบู่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์การเดินทางขยายตัวได้ดีขึ้น

3.ค่าระวางเรือมีแนวโน้มลดลง ความหนาแน่นและความล่าช้าลดลง ในการขนส่งบริเวณท่าเรือสำคัญของโลก ที่ทำให้ระบบการขนส่งคล่องตัวไม่เป็นอุปสรรคในการส่งออก

4.การที่ค่าเงินบาทยังอ่อนค่า ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยในตลาดโลกโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร

สำหรับการค้าชายแดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวเลขการส่งออก มีความสำคัญอย่างยิ่ง เดือน ก.ค. 65 การส่งออก ผ่านการค้าชายแดน +27.8% ทำเงินเข้าประเทศ 51,665 ล้านบาท 7 เดือนแรกปีนี้ การส่งออกผ่านการค้าชายแดน 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย เมียนมา ลาวและกัมพูชา ทำเงินเข้าประเทศรวมกัน 376,074 ล้านบาท +19.9%

โดยมาเลเซียที่เป็นคู่ค้าชายแดนอันดับหนึ่งของไทย ก.ค.65 +23.4% มูลค่าส่งออก 15,255 ล้านบาท สินค้าที่ขยายตัวสูง ยางรถยนตร์ +277% รถยนต์ อุปกรณ์ +154.8% ยางพารา +59.4%

เมียนมา ก.ค.ส่งออก 11,937 ล้านบาท +51.3%
สินค้าที่ขยายตัวสูงในเมียนมา เช่น น้ำมันปาล์ม +286.1% น้ำมันดีเซล +79.9%

กัมพูชา ก.ค.65 +16.8% ทำเงินเข้าประเทศ 13,073 ล้านบาท

สปป.ลาว ส่งออก ก.ค. +27% มูลค่า 11,400 ล้านบาท สินค้าที่ส่งไปลาวที่ขยายตัวสูงมากคือ น้ำตาลทราย +838.7%

สำหรับการค้าผ่านแดน มี 3 ประเทศที่เป็นเป้าหมายการส่งออกหลัก คือ จีน เวียดนามและสิงคโปร์  เดือน ก.ค.-27.3% ซึ่งสะท้อนความสำเร็จในการส่งสินค้าส่งออกของไทยในภาพรวม การค้าผ่านแดนที่ติดลบแสดงให้เห็นว่าเราสามารถแก้ปัญหาระบบการขนส่งได้ดี ลดการขนส่งทางบกไปจีนและเวียดนาม เพราะติดขัดปัญหาที่ด่านบ่อยและประสบความสำเร็จในการส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศแทน ทำให้ตัวเลขส่งออกภาพรวมเป็นบวก

สำหรับการส่งออกผ่านการค้าผ่านแดนไปจีน ก.ค. -32.8% เวียดนาม +40.7% สิงคโปร์ -25.1%

“ซึ่งคาดการณ์ว่าการส่งออกทั้งปียังเป็นบวกและปัญหาต่างๆ กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคเอกชนร่วมมือกันแก้ปัญหาและจะเพิ่มแผนงานกิจกรรมต่างๆให้มากขึ้นเพื่อทำให้ตัวเลขรวมทั้งปีและ 5 เดือนที่เหลืออยู่ทำเงินเข้าประเทศให้ได้มากที่สุด ตนได้สั่งให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก เร่งรัดทำแผนส่งออกทั้งเชิงรุกและเชิงลึก มายังกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและแผนงานทั้งหมดทำเสร็จสิ้นแล้ว ได้ดำเนินการทางปฏิบัติแล้ว เดิมกำหนดแผนการจัดกิจกรรมเชิงรุกและเชิงลึกทั้งปี 65 ไว้ 185 กิจกรรม หลังสั่งการให้ทูตพาณิชย์ลงไปดูเชิงรุกและเชิงลึก จะเพิ่มกิจกรรมอีก 345 กิจกรรม รวมเป็น 530 กิจกรรม เพื่อเร่งทำเงินเข้าประเทศและทำรายได้ให้ประเทศ ซึ่งวันที่ 14 กันยายนนี้ตนได้สั่งการให้มีการนัดประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำให้ตัวเลขการส่งออกปี 65 ให้ดีที่สุด” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว